เผยแพร่ |
---|
ทำไมการสาดน้ำร้อนว่าด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กำลังเล่นบทเดียวกับ”เซเลนสกี้” และจะทำให้ประเทศไทยมีสภาพเหมือนกับที่ยูเครนกำลังประสบทำท่าว่าอาจจะเป็น”มุกแป้ก”ในทางการเมือง
เป็นเพราะกระบวนการเสกปั้น”เซเลนสกี้”เมืองไทยถูกขวางอย่างฉับพลันทันใดจาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กระนั้นหรืออาจเป็นเช่นนั้น แต่น่าจะมากกว่านั้น
ที่ว่ามากกว่านั้นเนื่องจากกระบวนการเสกปั้น”เซเลนสกี้”ไทยมิได้มีรากฐานมาจากบทบาทของพรรคก้าวไกล และบทบาทของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อย่างเป็นหลัก
ตรงกันข้าม มีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นอยู่กับกระบวนการ”กัญชาเสรี”อย่างแยกไม่ออก
เมื่อเป็นเรื่องของ”กัญชาเสรี” ปราการด่านแรกที่จะต้องเผชิญย่อมเป็นปราการอันแข็งแกร่งจาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และนั่นทำให้รากฐานเดิมมีอันต้องสั่นคลอนไปด้วย
คำถามก็คือ ทำไมเรื่องของ”กัญชาเสรี”ไปเกี่ยวพันกับพรรคก้าวไกล ไปสัมพันธ์กับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ถึงกับจะระดมมวลชนให้คล้ายกับก่อนรัฐประหาร 2549
ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ขบวนการขับเคลื่อนในทางการเมืองมีความคมชัดเป็นอย่างมากเนื่องจากมีเป้าหมายเดียว คือ นายทักษิณ ชินวัตร
นี่ย่อมสัมพันธ์กับพรรคไทยรักไทย นี่ย่อมสัมพันธ์กับเครือข่ายในทางธุรกิจของ นายทักษิณ ชินวัตร
เมื่อเป็นการเริ่มต้นจากฐาน”ลูกจีนรักชาติ”จึงทรงพลัง
แต่กล่าวสำหรับการเคลื่อนไหวที่เห็นในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2566 จุดเริ่มต้นอย่างแท้จริงมิได้มาจากพรรคก้าวไกล มิได้มาจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
หากแต่เริ่มต้นมาจากความหงุดหงิดเมื่อนโยบาย”กัญชาเสรี”ถูกขวางจาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ขณะที่จุดเด่นของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ สะสมแต้มมาจากกรณี”ทุนจีนสีเทา”
คำถามที่ดังก็คือ ทำไมกลายเป็นพรรคก้าวไกล ทำไมกลายเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
หากสรุปตามสำนวนของจีนก็ต้องว่า พรรคก้าวไกล ไม่ผิด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ผิด ความผิดมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ สามารถกำชัยจากการเลือกตั้งการได้รับเลือกอันดับ 1 ต่างหากทำให้ได้”ครองหยก”มีค่า
พลันที่พรรคก้าวไกลสามารถจับมือเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทยได้ วิญญาณอันดำรงอยู่ตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร 2549 ก็เริ่มหวนคืน
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงได้อ่อนแรงและโรยราไปแล้ว