ไม่ว่าจะเป็นการออกมาห้อมล้อมและให้การสนับสนุนต่อพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะเป็นการแปรความรักความศรัทธาให้ปรากฏผ่านตัวเลขกว่า 14 ล้านคะแนนเสียงต่อพรรคก้าวไกล

ล้วนมีผลสะเทือน ด้านหนึ่ง เป็นรายรับในทางการเมือง ขณะ เดียวกัน ด้านหนึ่ง ก่อให้เกิดรายจ่ายในทางการเมืองตามมา

น่ายินดีเป็นอย่างมากก็ตรงที่เป็นรายรับของพรรคก้าวไกล น่าเศร้าอย่างยิ่งก็ตรงที่กลับกลายเป็นรายจ่ายที่พรรคการเมืองอื่นจำเป็นต้องแบกรับและจำเป็นต้องเป็นผู้ชดใช้

เนื่องจากพื้นฐานของพรรคก้าวไกลอันสืบทอดและพัฒนามาจากพรรคอนาคตใหม่ คือ การไม่ซื้อเสียง การเข้ามาของมวลชนจึงเป็นการเข้ามาอย่างบริสุทธิ์มิได้มีอามิสสินจ้างรางวัล

ยิ่งมวลชนเข้ามาห้อมล้อมอยู่โดยรอบเวทีปราศรัยด้วยจำนวนมหาศาลมากเพียงใด ยิ่งสร้างความหนักใจให้กับพรรคการเมืองอื่นมากเพียงนั้น

โดยพื้นฐานก็คือ ก่อให้เกิดคำถามกับจำนวนของมวลชนที่ไปรอต้อนรับบรรดา”แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี” ที่ไปคอยส่งเสียงตะโกนสู้ สู้เมื่อบรรดาลุง ลุง ปรากฏตัว

ที่มานั้นมาอย่างจริงใจ หรือว่ามาเพราะอามิสสินจ้าง

 

คำว่า”หัวคะแนนธรรมชาติ”อันเกิดขึ้นจากการคิดและประดิษฐ์สร้างของพรรคอนาคตใหม่และต่อเนื่องมาอยู่ในมือสร้างสรรค์ของพรรคก้าวไกลมิได้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

เพียงแต่ธรรมชาติของพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลวางอยู่บนฐานแห่งอุดมการณ์ ความเชื่อมั่นในทางความคิด

นี่คือผลแห่งการปกธงในทางความคิด ในทางการเมือง

นี่คือผลแห่งการท่องไปในโลกแห่งโซเชียล มีเดีย ก่อสร้างด้อมให้เกิดขึ้น และต่างล้วนอาสามาเป็น”หัวคะแนน”ให้ด้วยความเต็มใจ

มีความพยายามจากหล่ายพรรคการเมืองในการสร้างหัวคะ แนนธรรมชาติในลักษณะนี้ แต่ก็ดำเนินไปอย่างชนิดเป็นก้าวแรก ขณะที่พรรคก้าวไกลได้ก้าวล่วงหน้าไปแล้วหลายสิบก้าว

การดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกลจึงท้าทายต่อพรรคการเมืองอื่นอย่างแหลมคมเป็นอย่างสูง

 

การเมืองนับแต่การเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ได้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง และมีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม 2566

หลายฝ่ายรอคอยได้เห็นการเลือกตั้งในปี 2570 ต่างรอคอยการเปลี่ยนแปลงอันเกิดขึ้นและดำรงอยู่ภายในพรรคภูมิใจไทย ภายในพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะไล่ตามพรรคก้าวไกลได้ใกล้มากเพียงใด

ทุกการเคลื่อนไหวในปี 2566 จึงมีผลอย่างแน่นอนต่อทุกการ เคลื่อนไหวเมื่อเข้าสู่โหมดแห่งการเลือกตั้งในปี 2570