เผยแพร่ |
---|
การสร้างจุดเปรียบเทียบความเหมือนระหว่างพรรคก้าวไกลกับ พรรคประชาธิปัตย์กำลังกลายเป็น”ลับ ลวง พราง”อันสลับซับซ้อนในทางการเมือง
เหมือนกับเป็นการช่วงชิงจากบทสรุปหนึ่งของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อแสดงความรู้สึกต่อพรรคก้าวไกล
เห็นว่ามีการก่อรูปไปสู่”สถาบัน”เหมือนกับ”ประชาธิปัตย์”
หากฟังแต่ละถ้อยคำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็จะประ จักษ์ในกรอบแห่งการเปรียบเทียบว่าอยู่ในขอบเขตแห่งความเป็น“สถาบัน”ทางการเมือง
ความหมายก็คือ การสร้างพรรคโดยมีเป้าหมายทะยานไปสู่ ความเป็น”สถาบัน”ตามขนบแห่งพรรคการเมือง เป็นบทสรุปทาง วิชาการจากสภาพความเป็นจริง
โดยพื้นฐานบทสรุปของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นการยกย่องบทบาทและความหมายของพรรคก้าวไกลอย่างแน่นอน เพียง แต่อยู่ในบรรทัดฐานอันมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวตั้ง
ความหวั่นไหวจึงได้บังเกิด ไม่ว่าจะมองจากพรรคประชาธิ ปัตย์ ไม่ว่าจะมองจากพรรคก้าวไกล
เนื่องจาก”สถานะ”พรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้มี”คำถาม”
ปมเงื่อนอยู่ตรงที่ในสภาพการณ์ทางการเมืองอันแหลมคมและร้อนแรงในการต่อสู้ บทสรุปจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงถูกนำไปขยายผลและเป็นผลที่ไม่น่าจะก่อผลดีให้กับพรรคก้าวไกลเท่าใดนัก
เป็นการขยายผลในเชิงวิเคราะห์ทำท่าทำทางเหมือนกับหวัง ดี แต่ในความหวังดีกลับสะท้อนเจตนาแห่งความประสงค์ร้ายอย่างเด่นชัด
ถึงกับนำเอาภาพของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปประทับอยู่ ในฐานะ”ผู้นำ”คนใหม่ของพรรคก้าวไกล เท่ากับฉวยคว้าความเห็นต่างต่อพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นเครื่องมือ
จึงทำให้การพยายามสร้างความเหมือนระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งเพิ่มสีสันมากขึ้นเป็นทวีคูณ
เป้าหมายเพื่อ”บ่อนเซาะ”แน่นอน แต่บ่อนเซาะ”ใคร”
พลันที่มีการนำเอาภาพ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาโยงกับพรรคก้าวไกล
เป้าหมายแท้จริงจึงอยู่ที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ มากกว่า
ยิ่งพรรคก้าวไกลให้บทบาท นายพริษฐ์ วัชรสินธุ มากเพียงใด ยิ่งก่อให้เกิดความหวั่นไหว และกลายเป็นปม
เป็นการเมืองจากฝ่ายที่ต้องการทำลายพรรคก้าวไกล