กรณีที่ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี หลุดคำว่า”ไทยรักไทย”ในระหว่างการปราศรัยบนเวทีพรรครวมไทยสร้างชาติที่นครราชสีมากลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์

มีการเผยแพร่รายละเอียดคำปราศรัยนี้ในหลายช่องทางของสื่อกระทั่งกลายเป็น”ไวรัล”ร้อนแรง อุทานแห่งวลีที่ว่า SHIP หายอันตามมาคือ คำตอบ

เพียงแต่ว่าบทสรุปอันรวบรัดนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับพรรคไทยรักไทยอย่างที่ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ออกมานำเสนอก่อนลงจากเวที คืนไมค์ให้คนอื่น

หากแต่ในเมื่อเวทีนี้เป็นของพรรครวมไทยสร้างชาติ และคนพูดเป็น ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี บทสรุปแห่งความ SHIP หายจะตกแก่ใครย่อมรู้กันอยู่เป็นอย่างดี

ในสถานการณ์เช่นนี้การนำเอาคำปราศรัยของ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี มาศึกษาและวิเคราะห์จึงทรงความหมายและสร้างการ เรียนรู้ได้เป็นอย่างดี

ไม่จำเป็นต้องย้อนไปไกล หากเอาที่เคยพูดบนเวทีกปปส. และที่บรรยายบนเวทีพรรครวมไทยสร้างชาติก็จะได้คำตอบ

คำตอบในเชิง”จิตวิทยา” คำตอบในเชิง”การเมือง”

 

ต้องยอมรับว่า ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ยังรักษาเอกลักษณ์แห่งความเป็น”ประชาธิปัตย์”ไว้อย่างเหนียวแน่นและมั่นคง

พื้นฐานอันเป็นมูลฐานอย่างหนักแน่นคือ เวที”กปปส.”

เพียงแต่เมื่อครั้งเล่นบทเป็นวิทยากรของกปปส.เป้าหมายอยู่ที่การเปิดโปงม็อบของ”คนเสื้อแดง”ซึ่งมีพื้นฐานมาจากพรรคเพื่อ ไทย มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

จึงเป็นความรู้สึกของนักการเมืองและบทสรุปของคนใต้ได้อย่างเด่นชัดว่ามอง”คนอีสาน”อย่างไร

ความรู้สึกนี้เมื่อมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติจึงยังอวลกรุ่น อยู่ในจิตใต้สำนึกอย่างหนาแน่น กระทั่งไม่อาจแยกระหว่างพรรค ไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทยได้

จิตใต้สำนึกนี้ที่ตกตะกอนและนอนก้นอยู่จึงกระจายกลาย เป็นคำติดปากกระทั่งหลุด”ไทยรักไทย”ออกมาโดยอัตโนมัติ

 

เหมือนกับอาการย้ำคิดย้ำทำของ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี จะเป็นเรื่องซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้สำหรับคนสูงวัย(ส.ว.)แม้จะมิได้อยู่ในจำนวน 250 คนก็ตาม

เพราะว่า”ดร.ไตรงค์”มาเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาการสนองรับต่อความรู้สึกที่กรุ่นอยู่ในความคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ฝังจำมาตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย พรรค พลังประชาชนจึงย่อมจะถ่ายโอนมาให้

กลายเป็น”อาการ”ของ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ในที่สุด