E-DUANG : รากฐาน ในแบบ ประชาธิปัตย์ กับ ตัวตน ณ รวมไทยสร้างชาติ

ไม่ว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไม่ว่า นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ยังใช้ความจัดเจนในทางการเมืองอันได้มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ในการสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติ

ทั้งๆที่ในพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้มีคนอย่าง นายชวน หลีกภัย ไม่ได้มีคนอย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ตรงกันข้าม ผู้นำอันโดดเด่นอย่างยิ่งยวดของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสานเข้ากับ นายสุ ชาติ ชมกลิ่น

แวดล้อมอยู่ด้วยนักการเมืองอย่าง นายเสกสกล อัตถาวงศ์ แวดล้อมอยู่ด้วยนักการเมืองอย่าง นายธนกร วังบุญคงชนะ

ยิ่ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พูดถึงคุณธรรมและความเป็นสถาบันในทางการเมือง ยิ่ง นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประณาม การโกงและความฉ้อฉลของนักการเมือง

ยิ่งทำให้สายตาที่ทอดมองไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายสุชาติ ชมกลิ่น รวมถึง นายเสกสกล อัตถาวงศ์ รวมถึง นายธนกร วังบุญคงชนะ เกิดคำถามตามมา

เป็นคำถามถึง “รัฐประหาร” เป็นคำถามถึง”พลังดูด”

 

ถามว่าที่พรรคประชาธิปัตย์สามารถดำรงอยู่ในสถานะแห่งความเป็น”สถาบัน”ทางการเมืองได้อย่างโดดเด่นและยาวนานมีรากฐานมาอย่างไร

ในเบื้องต้นอาจเพราะต้องปะทะกับเครือข่ายของ”คณะราษฎร” ต่อมาเป็นเพราะดับเครื่องชนกับอำนาจเผด็จการทหารการเดินหนทาง”ประชาธิปไตย” สู้กับ”เผด็จการ”คือจุดแข็ง

เป็นจุดแข็งในก่อให้เกิดปฏิมาแบบ นายควง อภัยวงศ์ แบบ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช แบบ นายพิชัย รัตตกุล แบบ นายชวน หลีก ภัย อันมีอานิสงส์มายัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

แต่เมื่อเกิดรัฐประหารตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน 2549 กระทั่ง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 สถานะแห่งสถาบันของพรรคประชาธิ ปัตย์ก็เริ่มถูกท้าทายและถูกตั้งคำถาม

เป็นคำถามแม้กระทั่งกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และรวมถึง นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อย่างร้อนแรงและแหลมคม

 

ยิ่ง นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ยืนยันถึงการสะสม”โจร”เพื่อเป็นฐานให้กับการครองอำนาจของ”นายโจร”มากเพียงใด ยิ่งก่อผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งเข้าทำนองเหมือนกับเป็นปฏิบัติการ “ขว้างงูไม่พ้นคอ”

ไม่เพียงเป็นคอของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไม่เพียงเป็นคอของ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เอง

หากแต่ยังเป็นก้านคอของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา