บทบาทของคณะหลอมรวมประชาชน ของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ดำเนินไปอย่างน่าจับตามองเป็นพิเศษ

แม้เบื้องต้นจะเพื่อไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

กระนั้น ภายหลังอีกบทบาทหนึ่งซึ่งแหลมคมมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับกลับเป็นบทบาทในการเปิดโปง โทนี่ วู้ดซั่ม

อันอาจเป็นอุปสรรค”ขวาง”ยุทธศาสตร์”แลนด์สไลด์”

ถามว่าการที่มีการแต่งตั้ง นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เข้าไปอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการ”ครอบครัวเพื่อไทย”เพื่อเป้าประสงค์อะไรใน ทางการเมือง

1 เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อน”ครอบครัวเพื่อไทย”ของ นส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว 1 เพื่อดึงเอาเหล่า”คนเสื้อแดง”ให้มาแวดล้อมพรรคเพื่อไทย

ไม่ว่าปฏิบัติการเปิดเวทีครอบครัวเพื่อไทยที่ศรีสะเกษ ไม่ว่าการจัดปราศรัยใหญ่ที่ทุ่งศรีเมือง ณ อุดรธานี เมืองหลวงของคนเสื้อแดง คือเครื่องยืนยันอย่างเด่นชัด

แต่พลันที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เปิดเวที”หลอมรวมประเทศไทย”โดยการเปิดโปง โทนี่ วู้ดซั่ม

ผลจึงเท่ากับดับเครื่องชนกับ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ

 

หากมองจากบทบาทของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ไม่ว่าเมื่อเดือนเมษายน 2552 ไม่ว่าเมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553

หรือแม้กระทั่งการเปิดเวทีคนเสื้อแดงขึ้นบนถนนอักษะก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

มวลชนคนเสื้อแดงก็ประทับใจในบทบาท นายจตุพร พรหม พันธุ์ ในฐานะประธานนปช. และบทบาท นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ในฐานะเลขาธิการนปช.

ทั้ง 2 ต่างยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับพรรคเพื่อไทย ทั้ง 2 ต่างพิทักษ์ รัฐบาล นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และแนบแน่นเป็นอย่างยิ่งอยู่กับ นายทักษิณ ชินวัตร

แต่มาถึงเดือนมกราคม 2566 สภาพก็ปรากฏว่า แต่ละคนก็

มี”เวที”ทางการเมืองอันเป็นของตนเอง แยกต่างหาก

สร้าง”ดาว”กันคนละดวง ช่วงชิงไปสู่”สวรรค์”

 

ความน่าสนใจมิได้อยู่ที่ว่าการดำรงอยู่ในทางการเมืองของเหล่าพลพรรค”เสื้อแดง”ยังคึกคักหนักแน่นเหมือนเมื่อปี 2552 และเมื่อปี 2553 หรือไม่

คำตอบย่อมอยู่ที่ 1 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน 1 นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เลขาธิการ