เผยแพร่ |
---|
ยิ่งบทบาทของ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ในฐานะผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยทะยานขึ้นสูงเด่นมากเพียงใด บทบาทของ นาย จตุพร พรหมพันธุ์ ในฐาน”หลอมรวมประเทศไทย”ยิ่งถูกจับตา
ไม่เพียงถูกจับตาโดยโยงไปยังบทบาทใน”อดีต” หากมีความสำคัญเป็นอย่างสูงกับบทบาทใน”ปัจจุบัน”
เนื่องจาก 2 คนนี้ถือได้ว่าเป็น”สหายร่วมศึก”อย่างยาวนาน
ไม่ว่าจะเป็นบทบาทในห้วงหลังรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าจะเป็นบทบาทในห้วงรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ยุคพรรคพลังประชาชน
หรือแม้กระทั่งสถานการณ์ภายหลังยุบพรรคพลังประชาชน อันเป็นจุดเริ่มต้นในการเคลื่อนไหวของ”นปช.”และ”คนเสื้อแดง”อย่างทรงพลัง
ตั้งแต่การเคลื่อนไหวเมื่อเดือนเมษายน 2552 กระทั่งการ เคลื่อนไหวจากเดือนเมษายน ถึง พฤษภาคม 2553 จนต้องประสบกับถูกปราบใหญ่กลางมหานคร
จากนั้น คนหนึ่งทะยานไปสู่ตำแหน่งประธานนปช. คนหนึ่งทะยานไปสู่ตำแหน่งเลขาธิการนปช.
ไหล่ชนไหล่ หัวใจชนหัวใจในการต่อสู้ทางการเมือง
สถานการณ์นับแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นมา ส่งผลให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ กับ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ยืนอยู่คนละมุมโดยอัตโนมัติ
เมื่อครอบครัวเพื่อไทยมีการรื้อฟื้น”คนเสื้อแดง”มาดำรงอยู่ในฐานะฐานการเมืองที่สำคัญ
บทบาทนี้อยู่ในมือของ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เด่นชัด
ขณะเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็จับมือกับพันธมิตรเก่า อย่าง นายนิติธร ล้ำเหลือ จัดตั้ง”คณะหลอมรวมประชาชน”ขึ้น แม้ด้านหลักจะต้องการต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่ในท่ามกลางการเคลื่อนไหวก็มีบทบาทอย่างสำคัญในการเสนออีกด้านภายในครอบครัวเพื่อไทยตามยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ทางการเมือง
เป็นบทบาทในการเปิดโปงและโจมตีต่อพรรคเพื่อไทยเด่นชัด
การดำรงอยู่ระหว่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ กับ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ จึงเป็นการดำรงอยู่ที่ใกล้เคียงยิ่งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
นั่นก็คือ ยังยืนยันความสัมพันธ์เดิมว่าเหนียวแน่น มั่นคง
นั่นก็คือ ภายในความเหนียวแน่นและมั่นคงนั้นก็สะท้อนท่วงทำนองอันสัมผัสได้ในกระบวนการ”สร้างดาวกันคนละดวง”เพื่อช่วงชิงไปสู่สวรรค์ ใครไม่ทันเป็นคนหลงทาง
กลายเป็นความสัมพันธ์อันตามมาด้วย”คำถาม”มากมาย