เผยแพร่ |
---|
มีการระบุถึงบทบาทและความหมายของ”คนรุ่นใหม่”ในทางการเมืองมายาวนานอย่างยิ่ง
ตั้งแต่เมื่อ”พรรคพลังใหม่”ปรากฏตัวหลังเหตุการณ์ 2516
กระนั้น ในทางเป็นจริงก็มีเพียง พรรคพลังใหม่ พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย เท่านั้น ที่ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าสู่พื้นที่แห่งการแข่งขันอย่างแท้จริง
จึงได้มี ส.ส.อย่าง นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ จากนครศรีธรรมราช จึงได้มี ส.ส.อย่าง นายประยงค์ มูลสาร จากยโสธร จึงได้มี นพ.กระแส ชนะวงศ์ จากขอนแก่น
ความเป็นจริงก็คือ ในกระแสแห่งการสดุดียกย่องบทบาทของคนรุ่นใหม่ ปรากฏว่าพื้นที่ที่เปิดให้กับคนรุ่นใหม่ในแต่ละพรรคการเมืองคับแคบและตีบตัน
เขาอาจจะได้เป็นผู้สมัคร แต่โอกาสที่จะเข้าเป็นกรรมการบริหารริบหรี่เป็นอย่างมาก ต่อเมื่อผ่านการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มาหรอกพื้นที่ของคนรุ่นใหม่หรือคนแบบใหม่จึงได้เปิด
อย่างน้อยในอีเว้นท์”รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ”ก็มีการเอ่ยถึงกลุ่มคนชาติพันธุ์บนเวทีการปราศรัย
และมีการนำเอา”คนรุ่นใหม่”ยืนเรียงเรียงเคียง”คนรุ่นใหญ่”
หากแม้กระทั่งพรรครวมไทยสร้างชาติก็มีการระบุถึงบทบาทของกลุ่มชาติพันธุ์ นั่นหมายถึงเวทีที่เปิดกว้างและแผ่กระจายออกไปอย่างแน่นอน
จากพรรครวมไทยสร้างชาติก็จะชำแรกแทรกซึมไปยังพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์
เช่นเดียวกับกลุ่มคนที่เรียกว่า LGDTQ+
ความจริง นักการเมืองอันถือว่าอยู่ในกลุ่ม LGBTQ+ มีอยู่มายาวนานอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ ส.ส. ไม่เพียงแต่รัฐมนตรี หากแม้ กระทั่งนายกรัฐมนตรีก็เคยมี
แต่ก็เป็นการดำรงอยู่อย่างไม่เปิดเผย อาจรับรู้เฉพาะในกลุ่มคนที่ใกล้ชิด แต่ก็มิได้มีการประกาศตัวแบบ ดร.เสรี วงศ์มณฑา ได้แสดงตัวให้เป็นที่ประจักษ์
ต่อเมื่อการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 นั้นหรอกจึงได้เห็น
ถามว่าการเคลื่อนไหวผ่านร่างพรบ.กัญชง กัญชา สะท้อนอะไร ถามว่าการเคลื่อนไหวผ่านร่างพรบ.สุราก้าวหน้าสะท้อนอะไร ถามว่าการเคลื่อนไหวผ่านร่างพรบ.สมรสเท่าเทียมสะท้อนอะไร
คำตอบคือ สะท้อนมิติและพื้นที่ใหม่ทางการเมือง
เป็นพื้นที่ในลักษณะอันเป็นเงาสะท้อนแห่งความคิดในแบบเสรีนิยม เปิดกว้าง เป็นความคิดที่สวนทางกับลักษณะอนุรักษ์
เชื่อได้อย่างยิ่งว่าในการเลือกตั้งปี 2566 พื้นที่จะยิ่งเปิดกว้าง