เผยแพร่ |
---|
เห็นภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นปราศรัยแล้วมีคนจำนวนไม่น้อยเกิดนัยประหวัดไปยังบทสรุปในแวดวง”บู๊ลิ้ม”
นั่นก็คือ คนใน”ยุทธจักร”ไม่เป็นตัวของตัวเอง
ความจริง ภาพในลักษณะเดียวกันนี้สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยปรากฏให้เห็นในห้วงก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มาแล้วหนหนึ่ง
เมื่อสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐขึ้นปราศรัยในช่วงโค้งสุดท้ายในฐานะที่เป็น”แคนดิเดต”นายกรัฐมนตรีจากการเสนอของพรรคพลังประชารัฐ
สภาพการณ์ในอดีตอาจเป็นเพียงการปราศรัยบนเวทีหาเสียงเพียงครั้งเดียว แต่กล่าวสำหรับสถานการณ์ในปี 2566 มั่นใจ ได้เลยว่าเมื่อวันที่ 9 มกราคมเป็นครั้งแรก
แต่เป็นครั้งแรกที่จะนำไปสู่มิติและจังหวะก้าวใหม่ในทางการเมืองตามมาอีกมากมาย นั่นก็คือ การตระเวนหาเสียงในต่างจังหวัดอันต่างไปจาก”การตรวจราชการ”
และที่แหลมคมเป็นอย่างมากก็คือ การต้องประจันหน้ากับคู่ต่อสู้จากพรรคการเมืองอื่นอย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้
นั่นก็คือ เวที”ดีเบต”เพื่อแสดง”วิสัยทัศน์”ทางการเมือง
ในยุคเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจปฏิเสธ และสามารถปฏิเสธได้ แต่สถานการณ์การเลือกตั้งในปี 2566 ยากเป็นอย่างยิ่ง
ความยากไม่ได้อยู่ที่สถานะของ 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ หากแต่อยู่ที่สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เอง
ถามว่ามีความจำเป็นอะไรที่พรรครวมไทยสร้างชาติจักต้องจัดอีเว้นท์อย่างใหญ่โตในการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่ามกลางมวลชนเรือนหมื่น
คำตอบโดยพื้นฐานอย่างที่สุดก็เพราะต้องการใช้ชื่อและบท บาทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็น”จุดขาย”และสร้างความมั่นใจในทางการเมือง
เป้าหมายแรกสุดก็คือ เป็นพลังในการดูดและดึงและเพื่อเป็น
ผลักประกันว่าจะได้รับเลือกมากกว่า 25 คนจากทั่วประเทศ
สถานการณ์เช่นนี้จึงเป็นแรงกดดันเฉพาะหน้าและอย่างมหาศาล ทั้งต่อพรรครวมไทยสร้างชาติ และต่อการดำรงอยู่ของ พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา โดยตรง
เหมือนที่กำลังกดดัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เหมือนที่กำลังกดดัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล เหมือนที่กำลังกดดัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
มรสุมโลหิตนี้สะเทือนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แน่นอน