เผยแพร่ |
---|
บทบาทของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ในการเดินหน้าขุดคุ้ยและเปิดโปง “ธุรกิจสีเทา” โดยมี “ตู้ห่าว”เป็นตัวละครสำคัญดำเนินไปในวิถีแห่งการทำลายล้างอย่างลึกซึ้ง
เหมือนกับเป็นการทำลายต่อ”เครือข่าย”ของ”ธุรกิจสีเทา”อันมี “ตู้ห่าว”เป็นตัวแทน
อาจเป็นเช่นนั้น หากมองเพียงปลายบนสุดภูเขาน้ำแข็ง
กระนั้น เมื่อโยงจาก”ตู้ห่าว” ไปยัง “โทนี” ไปยัง “หลินเหลียง” และแต่ละสายสัมพันธ์ทั้งที่เป็นคนจีน และสายสัมพันธ์อันยึดโยงอยู่กับคนไทยก็จะรู้สึกว่ามิได้เป็นคนๆเดียว มิได้เป็นธุรกิจๆเดียว
ยิ่งกว่านั้น จังหวะก้าวและการเคลื่อนไหวของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยังสะท้อนให้เห็นถึงพื้นฐานและการดำรงอยู่อย่างสลับซับซ้อนยิ่งในทางสังคม
เพราะโดยความจัดเจนเขาคร่ำหวอดอยู่กับ”ธุรกิจสีเทา”มาอย่างยาวนาน ฉายา”เจ้าพ่ออ่าง”คือความเด่นชัดและยืนยันว่ามิได้ได้มาเพราะโชคช่วย
จากนั้น ก็ทะยานเข้าไปยังพื้นที่ในทาง”การเมือง” จากนั้นก็เล่นบทในการเปิดโปงในแบบ”ศิลปินเดี่ยว”
เป็น”ศิลปินเดี่ยว”ที่แย่งซีนบทบาท”สื่อ”ได้อย่างเด่นชัด
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ข้อมูลซึ่งอยู่ในมือของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ น่าจะเป็นเรื่องที่หน่วยราชการซึ่งทำหน้าที่ในเรื่องนี้ควรจะมีอยู่อย่างพร้อมมูล
เป็นข้อมูลที่”สื่อ”มืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นสื่อเก่า ไม่ว่าจะเป็นสื่อใหม่น่าจะมีอยู่และทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีและเหนือกว่า
การณ์กลับเป็นบทบาทและอยู่ในมือของ”เจ้าพ่ออ่าง”
การณ์กลับกลายเป็นว่าข้อมูลอันเปิดขึ้นอย่างเป็นระบบของ”เจ้าพ่ออ่าง”ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขยับ และสื่อแต่ละสำนักกลับรอคอยการไลฟ์ของเขาด้วยความระทึก
อย่าว่าแต่”สื่อ”เลยแม้กระทั่งนักการเมืองในแต่ละพรรคยังไม่สามารถเล่นบทนำได้อย่างเดียวกันกับ”เจ้าพ่ออ่าง” ไม่ว่าจะอยู่ใน พรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะอยู่ในพรรคก้าวไกล
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคำถามจาก”สังคม”ไปยังแต่ละ”สถาบัน”
ไม่ว่าในที่สุดแล้วผลสะเทือนจากการปฏิบัติการของ นายชูวิทย์ กลมวิศิษฎ์ จะดำเนินไปอย่างไร ประสบผลสำเร็จหรือต้องสู้กับอุปสรรคและขวากหนาม
กระนั้น จังหวะปฏิบัติการนี้ก็ทรงความหมายเป็นอย่างสูง
ส่งผลสะเทือนโดยตรงต่อ”ธุรกิจสีเทา” ส่งผลสะเทือนโดยตรงต่อการทำงานของตำรวจต่อนักการเมืองและพรรคการเมือง
และเป็น”คำถาม”ถึงความรับผิดชอบของ”สื่อ”