E-DUANG : สงคราม ความคิด สงครามรุ่น ระหว่าง คนหัวเก่า กับ รุ่นใหม่

ทันทีที่คำว่า “ทุนนิยมที่มีหัวใจ” หลุดออกจาก 2 เรียวปากของ นส.แพทองธาร ชินวัตร

ตัวเลขค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวันก็สดใส งามตา

ยิ่งเมื่อนำไปวางเรียงอยู่เคียงข้างกับน้ำเสียงที่ไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมาจาก นายสุชาติ ชมกลิ่น

ได้ก่อให้เกิดการเปรียบเทียบขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

ทำให้ภาพของ นส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นลูก”อภิมหา เศรษฐี” เกิดบนช้อนเงินช้อนทองแห่งความร่ำรวยของตระกูล”ชิน วัตร” เป็นภาพแห่งความงามงด สดใส

ขนาดร่ำรวยอย่างมหาศาล แต่ก็มีน้ำจิตน้ำใจเห็นชอบให้กับ การปรับและยกระดับค่าแรงขั้นต่ำให้กับผู้ใช้แรงงาน ต้องการลด ความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส จุดประกายแห่งความหวัง

ยิ่งเมื่อเทียบกับลูกนายทหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งเมื่อเทียบกับลูกชาวบ้านอย่าง นายสุชาติ ชมกลิ่น ยิ่ง

มากด้วยความแตกต่าง

ทำไมลูกคนรวยจึงคิดได้อย่างนี้ ทำไมลูกนายทหาร ลูกชาวบ้านจึงคิดไม่ได้อย่างนี้

 

ถามว่าทั้งๆที่เพิ่งแถลงอย่างยาวเหยียดเป็นระบบมาแล้วในที่ประ ชุมใหญ่เพื่อปรับโครงสร้างการบริหารพรรคเพื่อไทย แล้วเหตุใด นส.แพทองธาร ชินวัตร จึงต้องออกมาแถลงซ้ำ

เป็นการแถลงซ้ำโดยมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นั่งเรียงอยู่เคียงข้าง

นั่นเพราะพรรคเพื่อไทยตระหนักในบทบาท 600 บาทต่อวัน

นั่นเพราะพรรคเพื่อไทยประเมินว่าการออกโรงต้านโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสานเข้ากับ นายสุชาติ ชมกลิ่น สะ ท้อนผลสะเทือนจากนโยบายนี้อย่างเป็นรูปธรรม

เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะ นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ควรจะ เป็นปากเสียงให้กับ”แรงงาน”

แต่กลับเป็น”ปากเสียง”ให้กับชนชั้น 1 เปอร์เซ็นต์ของสังคม

 

นับจากวินาทีนี้เรื่อยไปจนกระทั่งเข้าสู่กระบวนการของการเลือกตั้งอย่างเข้มข้น การเปรียบเทียบในลักษณะประกบคู่ทางการเมืองจักต้องบังเกิด

อาจมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น”ตัวยืน”บนเวที

มีคนอย่าง นส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรค เพื่อไทย และก็มีคนอย่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล เปรียบเทียบ

ระหว่าง”คนรุ่นเก่า”หัวโบราณ กับ”คนรุ่นใหม่”ที่มาพร้อมกับ ความคิดใหม่ ความต้องการใหม่ทางการเมือง