E-DUANG | ทำความเข้าใจ ‘ศุภชัย โพธิ์สุ’ จากความจัดเจน ‘สหายแสง’

อาการหลุดคำว่า “ไอ้โง่” จากปาก นายศุภชัย โพธิ์สุ ในระหว่างการปราศรัยบนเวทีพรรคภูมิใจไทยที่จังหวัดนครพนม เป็นอาการอันสามารถเข้าใจได้

แม้จะเป็นการเปรียบเทียบกับนักการเมืองจากพรรคการเมืองอื่นและจังหวัดอื่น

แม้จะล่อแหลมเป็นอย่างยิ่งที่จะสะท้อนให้เห็นความโน้มเอียงในทางความคิดของนักการเมืองผู้คร่ำหวอดและเจนจัดในทางการเมืองโดยทั่วไป

ไม่ว่าจะอยู่พรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะอยู่พรรคประชาธิ ปัตย์ ไม่ว่าจะกำลังไหลไปรวมกันอยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือแม้กระทั่งพรรคสร้างอนาคตไทย

หลายคนคงเกิดนัยประหวัดไปยังบทสรุปจากความจัดเจน ของมังกรแห่งเมืองสุพรรณ นายบรรหาร ศิลปะอาชา เมื่อต้องตก อยู่ในสถานะแห่งฝ่ายค้านระยะหนึ่ง

นั่นก็คือ บทสรุปที่ว่าเมื่อเป็น “นายค้าน” ก็ย่อมจะอดอยาก

ปากแห้ง จึงกลายเป็นอนุสาสน์ที่นักการเมืองซึ่ง “อยู่เป็น” จะต้อง เลือกเป็นฝ่ายรัฐบาล

ใครที่เป็นฝ่ายค้านก็ถูกมองว่าเป็นนักการเมือง “หน้าโง่”

หากมองจากพื้นฐานของ นายศุภชัย โพธิ์สุ ซึ่งรับรู้ในอีกสมญา นามหนึ่งว่าเป็น”สหายแสง” ก็ต้องยอมรับบทสรุปนี้สามารถเรียน รู้ได้เร็ว

แม้คำว่า “สหาย” จะบ่งสะท้อนรากฐานในทางความคิด ความเชื่อในกาลอดีตอย่างเด่นชัดก็ตาม

ไม่ว่าจะเคยเป็น “สหาย” ไม่ว่าจะเสพสามัคคีรสทางการเมือง ร่วมกับพรรคอันโลดโผนอย่างพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ

เมื่อยืนอยู่ ณ เบื้องหน้ามวลชน “เรือนหมื่น” อย่างที่ “สหายแสง” ยืนอยู่ก็มีโอกาสเตลิดเพริศและบังเกิดสภาวะ “เค-ลิ้ม” ในทาง การเมืองได้

คล้ายกับ “สหายแสง” จะเป็นคนกำหนด กุมทิศทาง แต่ความ
เป็นจริงมวลชน “เรือนหมื่น ต่างหากที่กำหนดและกุมทิศทาง

เมื่อยืนอยู่เบื้องหน้ามวลชน “สหายแสง” ย่อมปรารถนาสร้างความ พึงใจให้กับมวลชน ย่อมรู้ว่าจะพูดอย่างไร ใช้คำแบบไหนจะสร้าง ความพอใจเรียกเสียงปรบมือจากมวลชน

ในอีกด้าน เท่ากับ “สหายแสง” ถูกมวลชนกำหนดทิศทาง

ความร้อนแรงในการปราศรัยจึงเพิ่มดีกรีขึ้นเป็นลำดับ กระทั่งก่อให้เกิดสภาพ”หลุด”เพราะต้องการสร้างความประทับใจให้กับมวลชนที่อยู่ ณ เบื้องหน้า

ทุกอย่างดำเนินไปตามกฎแห่งความสัมพันธ์ระหว่างคนพูดกับคนฟัง ระหว่าง “เรา” กับ “มวลชน”
นี่คือหลักแห่ง “วิภาษวิธี” อันเคยเป็น “อาวุธ” อย่างสำคัญ