เผยแพร่ |
---|
คำประกาศของ”สภานักศึกษา” มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการชุมนุมใหญ่ทางการเมืองพูธที่ 10 สิงหาคม ได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงในทางการเมือง
ไม่เพียงเพราะเป็นวันที่ 10 สิงหาคม ไม่เพียงเพราะเป็นลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
อันทำให้บังเกิดนัยประหวัดไปยังการชุมนุมใหญ่ ณ ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 สิง หาคม 2563 ไม่ได้
เพียงแต่ครั้งนั้นเป็นการจัดขึ้นโดย”แนวร่วมธรรมศาสตร์และ การชุมนุม” แต่สำหรับครั้งใหม่นี้เป็นการจัดโดย”สภานักศึกษา”ซึ่ง เป็นองค์กรนำอย่างเป็นทางการของมหาวิทยาลัย
ขณะเดียวกัน ยังมีพันธมิตรแห่ง”แนวร่วม”อันเป็นพรรคการ เมืองในมหาวิทยาลัยเข้ามามีส่วนอย่างคึกคัก เท่าที่ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเด่นชัดว่าเป็น”หน้าใหม่”ในการเคลื่อนไหวทั้งสิ้น
ไม่มีภาพของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ไม่มีภาพของ น.ส.ปภัสรา
สิทธิจิรวัฒนสกุล ไม่มีภาพของ น.ส.เบญจา อะปัน และไม่ปรากฏสัญญาณจาก นายอานนท์ นำภา
เท่ากับสะท้อนให้เห็นว่าเมื่อแกนนำแรกต้องคดีก็ยังมีแกนนำ ชุดใหม่เข้ามารับไม้ต่อเดินหน้าต่อไป
ด้านหนึ่ง จึงปรากฏคำประกาศของ”สภานักศึกษา”มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง ก็ปรากฏการเคลื่อนไหวของ หน่วยควบคุมฝูงชน(คฝ.)
เป็นภาพการซ้อมรับมือกับการชุมนุมและการเคลื่อนไหวโดยมีรถฉีดน้ำ ปืนและกระสุนยางเพียบพร้อมบริบูรณ์
บรรยากาศอย่างที่เคยเห็นจากการเคลื่อนไหวของ”เยาวชน ปลดแอก” และ”แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม”ซึ่งคึกคักจากเดือนกรกฎาคม 2563 จึงหวนคืนมาอีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งใหม่นี้มิได้เริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในเดือนกรกฎาคม หากแต่เริ่มต้นที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในเดือนสิงหาคม
นี่ย่อมเป็น”สัญญาณ”แห่งการขับเคลื่อนทางการเมือง
มีความเชื่อว่าการใช้มาตรการเข้มที่หนักหน่วงผ่านกระบวนการที่ เรียกว่า”นิติสงคราม” อาจทำให้เกิดอาการงันชะงักลงได้นับแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นมา
แม้จะมี”ทะลุฟ้า”ประสานกับ”ทะลุแก๊ส”ก็มิได้เป็นอีกทึก
การขับเคลื่อนของสภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงเท่ากับเป็นการตัดริบบิ้นและเริ่มต้นใหม่
เป็น”คลื่นลูกใหม่”ที่เติบโตในท่ามกลาง”การต่อสู้”