เผยแพร่ |
---|
การวิ่งของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นับแต่หลังวันที่ 22 พฤษภาคม เป็นต้นมา กำลังเป็นการวิ่งที่อยู่ในแสงแห่งสปอตไลต์ในทางการเมือง
เนื่องจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แปรมาเป็นการวิ่งในสถานะแห่งความเป็น”ผู้ว่าฯกทม.”อย่างสมบูรณ์แบบ
แม้สโลแกนของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะวางอยู่บนหลักการของ”ทำงาน ทำงาน ทำงาน”อย่างเด่นชัด กระนั้น กระบวนการนี้ก็ ถูกประเมินและตีความว่าเป็น”ทำงาน ทำงาน ทำงาน”จริงละหรือ
เพราะหากฟังจากเสียงบางเสียงก็เริ่มมองเห็นเพียงว่าเป็นการวิ่งเพื่อสร้างภาพ เพื่อไลฟ์ไปวันๆ ไม่ปรากฏเม็ดงานอะไรออกมาให้เป็นที่ปรากฏ
ขณะเดียวกัน ก็มีบางเสียงมองเห็นในความยอดเยี่ยมภายในกระบวนการวิ่งของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ถึงกับมีเสียงเรียกร้องดังขึ้นถี่ยิบเป็นลำดับว่า “อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี”
คำถามก็คือ ทำไมจึงมีคนจำนวนไม่น้อยปรารถนาให้ นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เปลี่ยนจากตำแหน่ง”ผู้ว่าฯกทม.”เพื่อเข้าไปทำงาน ทำงาน ทำงานในตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี”
เป็นความปรารถนาที่ดังอย่างเงียบๆและกระหึ่มยิ่งขึ้นทั้งๆที่บางพวกบางฝ่ายเห็นว่า”ดีแต่วิ่ง”เพื่อสร้างภาพในทางการเมือง
ในสายตาของแฟนานุแฟน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ สัมผัสได้ในผลสะเทือนจากการวิ่งว่ามิได้เป็นการออกกำลังกายอย่างธรรมดาหากแต่เป็นการออกกำลังกายอย่างเป็นการทำงาน
เป็นการวิ่งเพื่อตรวจงาน เป็นการวิ่งเพื่อต่อยอดงาน เป็นการวิ่งเพื่อสัมผัสมวลชนและแนบแน่นอยู่กับ”เพื่อนร่วมงาน”
ภายในกระบวนการวิ่งก็มีการทำงานโดยไม่มีคำสั่งจาก นายชัยชาติ สิทธิพันธุ์ เพียงแต่เห็นการร้องเรียนผ่านฟองดูว์ แต่ละเขตของกทม.ก็ขยับขับเคลื่อน
ภายในกระบวนการวิ่งทำให้ 200 กว่านโยบายเริ่มขับเคลื่อน สัมผัสได้ผ่านดนตรีในสวน สัมผัสได้ผ่านกรุงเทพกลางแปลง และที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานก็คือ หนังสือในสวน
แต่ละการเปลี่ยนแปลงนี่แหละคือฐานทางการเมืองสำคัญ
ถามว่าเหตุปัจจัยอะไรทำให้ความต้องการของชาวกรุงเทพมหานครเริ่มขยายและกระจายให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก้าวจาก”ผู้ว่าฯกทม.”ไปสู่”นายกรัฐมนตรี”
คำตอบที่ตรงเป้าอย่างที่สุดก็คือ ภาพเทียบจาก”การวิ่ง”
ไม่เพียงเป็นการเทียบกับ”อดีต”ผู้ว่าฯกทม.คนอื่น หากเป็นการเปรียบกับ”นายกรัฐมนตรี”เด่นชัดเป็นลำดับ
เด่นชัดในการตื่น เด่นชัดในการวิ่ง เด่นชัดในการทำงาน