บทบาทของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ดำเนินไปในลักษณะทะลุทะลวงและนำร่องให้กับ”คนรุ่นใหม่”อย่างแหลมคมและมีนัยสำ คัญในทางการเมือง

ไม่ว่าจะในตอนรณรงค์ “หาเสียง” ไม่ว่าเมื่อได้รับฉันทานุมัติ จากกว่า 1.3 ล้านคะแนนเสียงของคนกรุงเทพฯ

บนพื้นฐานแห่ง”ทำงาน ทำงาน ทำงาน”นี่แหละที่สำคัญ

ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดก็คือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มิได้เพียงพูดหรือประกาศ ตรงกันข้าม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ลงมือ”ทำ”ให้เห็นอย่างเด่นชัด

หากผู้สมัครหมายเลข 8 ไม่ลงไป”คลุก”อยู่ในท่ามกลางประ ชาชนอย่างต่อเนื่อง เป็นจริง คะแนนกว่า 1.3 ล้านเสียงคงไม่ปรา กฎจากการหย่อนบัตร

และที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ เมื่อได้รับ”ฉันทานุมัติ”มา แล้ว นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็มิได้พอใจแต่เพียงเท่านั้น หากแต่ยัง

“ทำงาน ทำงาน ทำงาน”ต่อไป

ผลสะเทือนอย่างเป็นรูปธรรมก็คือ ปัญหาที่ปรากฏผ่านฟองดูว์ได้รับการแก้ไขไปแล้วกว่า 10,000 ปัญหาใน 1 เดือน

ตรงนี้ต่างหากคือบทบาท และเป็นบทบาทที่มี”ความหมาย”

 

เวลา 1 เดือนของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงเป็นเวลาแห่งการพิสูจน์ และในท่ามกลางการพิสูจน์ก็สะท้อนออกอย่างเด่นชัดถึง สถานะและตัวตนของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

เป็นสถานะและตัวตนอันแตกต่างไปจากสภาพการดำรงอยู่ในแบบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเด่นชัด

การปะทะระหว่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงมิได้อยู่ในพื้นที่ทาง”ความคิด” หากแต่ปรากฏผ่านกระบวนการในทาง”การเมือง”

ในที่สุดแล้วก็คือการปะทะระหว่างการเมือง”ใหม่” กับการเมือง “เก่า” บนรากฐานแห่งความคิด “ใหม่” กับรากฐานแห่งความคิด”เก่า”

ภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภาพของ นายชัชชาติ

สิทธิพันธ์ จึงดำเนินไปในลักษณะอันเป็น”ตัวแทน”

 

ในเมื่อภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือตัวแทนของความเก่า ของคนรุ่นเก่า ภาพของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงเป็นตัวแทน ของความใหม่ ของคนรุ่นใหม่

เป็นความใหม่ทั้งๆที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อายุมากกว่า 50

เป็นความใหม่ที่องค์ประกอบจากคณะของ นายชัชชาติ สิทธิ พันธุ์ เก็บรับความคิดใหม่มาเป็นเครื่องมือในทางความคิด

จึงดำรงสถานะแห่ง”คนรุ่นใหม่”อันสดใสและคึกคักหนักแน่น