เผยแพร่ |
---|
ทุกก้าวแห่งการเคลือนไหวของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นับแต่หลังคะแนนกว่า 1.3 ล้านปรากฏขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม เด่นชัดว่าเป็นผลดีกับประชาชน เป็นผลดีกับประชาธิปไตย
แม้กระทั่งการวิ่ง”ออกกำลัง”ในตอนรุ่งสางของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งและเป็นการทำงาน
ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งบนถนนราชดำเนิน ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งตามซอกซอยของถนนสุขุมวิท ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งบนทางเท้าที่ ทอดแนวไปกับคลองแสนแสบ
อย่าได้แปลกใจหากการนั่งมอเตอร์ไซค์ไปยังจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ในชุมชนบ่อนไก่ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ส่งผลสะเทือนลึกซึ้งและกว้างขวางเกินความคาดหมาย
กว้างขวางเพราะว่าไม่เพียงครอบคลุมต่อชาวกรุงเทพมหานครอันเป็นเป้าหมายเฉพาะหน้า หากแต่แผ่กระจาย ขยายไปในขอบเขตทั่วประเทศ
และลึกซึ้งเป็นอย่างมากคือ หยั่งลงไปในความคิดของประชา
ชนประจักษ์ในความแตกต่างของ “ผู้นำ”ที่มาจาก”การเลือกตั้ง” กับผู้นำที่มาจาก”รัฐประหาร”และ”การแต่งตั้ง”
ถามว่านอกเหนือจาก”ประชาชน”แล้ว ท่วงทำนองที่เป็น”ประชาธิปไตย”เช่นนี้เป็นผลดีกับ”พรรคการเมือง”ใด
อย่างแรกที่สุดก็คือ เป็นผลดีกับการเคลื่อนไหวรณรงค์เรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง”ผู้ว่าราชการจังหวัด”ทั่วประเทศ และตามมาด้วยการเคลื่อนไหว”ขอคนละชื่อ ปลดล็อคท้องถิ่น”
กระแสเรียกร้องเลือกตั้ง”ผู้ว่าราชการจังหวัด”ทั่วประเทศอาจครึกโครมยิ่งหลังวันที่ 22 พฤษภาคม
แต่กระแสการเคลื่อนไหว”ขอคนละชื่อ ปลดล็อคท้องถิ่น”น่าสนใจก็ตรงที่เริ่มก้าวแรกในวันที่ 1 เมษายน แต่จำนวนคนร่วมลงชื่อทะยานเลย 50,000 หลังจากวันที่ 22 พฤษภาคม
แคมเปญ”ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น”เป็นงานที่คณะก้าว หน้า พรรคก้าวไกล ร่วมกับปัญญาชน นักวิชาการและผู้มีบทบาทในท้องถิ่นขับเคลื่อน
บทบาทของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงเสริมก้าวหน้า ก้าวไกล
ยิ่งความนิยมต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ขึ้นสูงและแพร่กระจายขยายไปทั่วประเทศ ยิ่งทำให้โมเดลเลือกตั้ง”ผู้ว่าราชการจังหวัด”ทั่วประเทศได้รับความสนใจ
ยิ่งทำให้”ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น”ใกล้เคียงความจริง
เชื่อได้เลยว่าข้อเสนอ”ปลดล็อคท้องถิ่น”จะกลายเป็น”นโยบาย”สำคัญที่พรรคก้าวไกลจะใช้หาเสียงในการเลือกตั้งเช่นเดียวกับสุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม
พรรคก้าวไกลจึงเป็นพันธมิตรกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์