ยิ่งวันบทบาทอันทะยานผ่านกระบวนการ”ทำงาน ทำงาน ทำงาน” ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะเป็นการดำรงอยู่ในลักษณะอันเป็นอาวุธในทางการเมืองซึ่งมากด้วยความแหลมคม

เฉพาะหน้าเหมือนกับความคมจะบาดลึกลงไปในกระบวน การทำงานของกทม.ของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง

แต่เมื่อถามว่างานของกทม.สะท้อนถึง”โครงสร้าง”อะไร

คำตอบที่ออกมาอย่างฉับพลันทันด่วน 1 สะท้อนโครงสร้างของสิ่งที่เรียกว่า “รัฐราชการรวมศูนย์” นั่นย่อมหมายความอีก 1 ว่าที่เห็นในกทม.ก็เห็นในประเทศไทย

เพราะรูปแห่ง”รัฐราชการรวมศูนย์” คือสภาพที่ดำรงอยู่ตั้งแต่ยุคแห่งการปฏิรูประบบราชการจาก”เวียง วัง คลัง นา”มาเป็นกระ ทรวงทบวงกรมเมื่อ 100 กว่าปีก่อน

แม้จะผ่านสถานการณ์เดือนมิถุนายน 2475 ก็ไม่แปรเปลี่ยน แม้จะผ่านสถานการณ์เดือนตุลาคม 2516 ก็ไม่แปรเปลี่ยน แม้จะ ผ่านสถานการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 ก็ไม่แปรเปลี่ยน

ศึกที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และทีม”ทำงาน ทำงาน ทำงาน” ต้องเผชิญประสบจึงใหญ่หลวงไม่ต่างไปจากที่อนาคตใหม่ ก้าว หน้า ก้าวไกล กำลังประสบอยู่

จึงสอดรับกับการรณรงค์”ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น”ยิ่ง

 

หากมองผ่านแต่ละการเคลื่อนไหวแม้สิ่งที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ดำเนินการอยู่จะเป็นการแตะเข้าไปยัง”เส้นเลือดฝอย” มิได้แตะไป ยัง”กล่องดวงใจ”

กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่าหากแตะเข้าไปในแต่ละ”เส้นเลือดฝอย”มากเข้า มากเข้า ก็ย่อมสะเทือน

เหมือนกับแรงสะเทือนซึ่งกลายเป็นคำถามรายวันส่งตรงไปยัง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง และกวาดรวมเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาด้วย

ความน่าสนใจอยู่ตรงที่คำถามเหล่านี้มิได้มาจากคนของพรรคก้าวไกล มิได้มาจากคนของคณะก้าวหน้า หากเป็นคำถาม ที่มีการขานรับแม้กระทั่งกับมวลมหาประชาชนซึ่งเป็นกปปส.

เท่ากับได้ก่อให้เกิด”พันธมิตร”ในแนวร่วมใหม่ทางการเมือง ขึ้นมาอย่างเหนือความคาดหมาย

 

ยิ่ง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงลึกไปยังแต่ละปัญหาซึ่งดำรงอยู่ใน กรุงเทพมหานคร ยิ่งทำให้ประเด็นที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เคยพูดระหว่างหาเสียงมีความแจ่มชัด

เท่ากับ”ทำงาน ทำงาน ทำงาน”ประสานกับ”ก้าวไกล”

แม้มิได้เป็นการประสานผ่านการร่วมมือกันในทางการเมือง ก็เป็นการประสานผ่านการร่วมมือภายใต้”ความคิด”เดียวกัน

ลักษณะพันธมิตรแห่งแนวร่วมเช่นนี้น่าสนใจ น่าติดตาม