การเลือกตั้ง”ผู้ว่าฯกทม.”ในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม กำลังเสนอบทพิสูจน์หลายอย่างต่อคำถามที่ตั้งขึ้นในทางการเมือง

ไม่ว่าจะเป็น”ระดับท้องถิ่น” ไม่ว่าจะเป็น”ระดับชาติ”

มีคนจำนวนไม่น้อยสัมผัสได้ว่า บรรยากาศของการเลือกตั้งละม้ายและใกล้เคียงกับบรรยากาศของการเลือกตั้งซ่อมในเขตจตุ จักร หลักสี่เป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะคะแนนที่นำมาอย่างต่อเนื่องและเสมอต้นเสมอปลายของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับคะแนนของ นายสุรชาติ เทียนทอง ในเขตจตุจักร หลักสี่

ขณะเดียวกัน คะแนนที่ดีวันดีคืนของ นายกรุณพล เทียนสุ วรรณ ก็ดำเนินไปเหมือนกับคะแนนที่ดีวันดีคืนของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร

นั่นก็คือ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ เริ่มต้นพร้อมกับคำสบ ประมาทจากฝ่ายตรงข้าม แต่แล้วการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องทำให้ทะยานมาอยู่อันดับ 2

นั่นก็คือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เริ่มต้นด้วยคำสบประมาทและประเมินต่ำอย่างยิ่ง แต่แล้วก็ค่อยๆดีวันดีคืนและ ทำ ท่าว่าจะวิ่งตาม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กระชั้นชิด

 

แรกที่มีการลงสนามแข่งขัน ไม่ว่าจะมองผ่านผลของโพล ไม่ว่าจะจับความรู้สึกของสังคม การให้ค่าต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ดำเนินไปอย่างคงเส้นคงวา

แต่ต่อ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ได้รับการประเมินต่ำมากจนแทบไม่มีโอกาสเลย

ส่วนใหญ่ให้ค่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ให้ค่า นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือแม้กระทั่ง นส.รสนา โตสิตระกูล นายสกลธี ภัททิยกุล สูงกว่า นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร

แต่เมื่อมาถึง 1 สัปดาห์ก่อนวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม คะ แนนและความนิยมต่อ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เริ่มมีการแปร เปลี่ยน

แปรเปลี่ยนกระทั่งมาอยู่ในจุดที่แทบหายใจรดต้นคอ นายชัช

ชาติ สิทธิพันธุ์ ด้วยซ้ำไป

 

เส้นทางของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จึงเป็นเส้นทางเดียวกันกับที่ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ เคยประสบ และเป็นเส้นทางเดียวกันกับของพรรคอนาคตใหม่เมื่อเดือนมีนาคม 2562

นั่นก็คือ เริ่มต้นด้วยคำสบประมาท แต่ก็มีการแปรเปลี่ยน

กรณีของพรรคอนาคตใหม่แปรเปลี่ยนถึงกับมีชัยเหนือกว่า พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา

ถามว่ากรณีของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จะเป็นเช่นใด