การไม่ปรากฏเงาร่าง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง บนเวทีแห่งมหกรรม หนังสือที่สามย่าน มิตรทาวน์

ได้กลายเป็น “คำถาม” ทั้งๆที่ไม่ควรเป็น “คำถาม”

เนื่องจากไม่เพียงแต่ น.ต.ศิธา ทิวารี เท่านั้นที่ปรากฏตัว หากแม้กระทั่ง นายสกลธี ภัททิยกุล ก็นั่งนิ่งสงบพร้อมจะพบกับคำถามว่าด้วยการอ่านอย่างสงบ

ทั้งนี้ แทบไม่ต้องกล่าวถึง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งเป็นนักอ่านและติดตามการเคลื่อนไหวในแวดวงของหนังสืออยู่แล้ว

ขณะที่หลายคนก็สงสัยว่า นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จะแปรเวทีแห่งมหกรรมหนังสือให้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองและการ สร้างเมืองที่คนเท่าเทียมกันได้อย่างไร

กระนั้น คำถามก็ยังพุ่งเป้าไปยัง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อยู่นั่นเองว่าเหตุใดจึงไม่ปรากฏเงาร่างบนเวที

หรือว่านี่จะเป็นผลสะเทือนจากเวทีดีเบตของ ช่อง 3 สดๆร้อนๆ

เนื่องจากเวทีดีเบตของช่อง 3 แปรเวทีให้กลายเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อย่างเด่นชัด

 

ในฐานะที่รับราชการตำรวจโดยเฉพาะตำรวจที่ทำงานเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในห้วง แห่งการชุมนุมที่ยืดเยื้อและยาวนาน

ตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 โดยพันธมิตรและหลังรัฐประหารโดยคนเสื้อแดง

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ย่อมอยู่ในแวดวง”การข่าว”แนบสนิท

ย่อมรู้อยู่เป็นอย่างดีว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชอบนำเอาเนื้อหาจากหนังสือใหม่ๆมาอ้างอิงตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีและกระทั่งเมื่อไปบริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์

และย่อมรู้อยู่เป็นอย่างดีว่า นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เคยนั่ง

ทำงานที่ซี-เอ็ดอันเป็นบริษัทขายหนังสือขนาดใหญ่บริษัทหนึ่ง

 

การไม่ปรากฏเงาร่างของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง จึงอาจเป็นการตัดสินใจหลังจากผ่านการดีเบตอันร้อนแรงมาแล้วเบื้องหน้า นายสร ยุทธ์ สุ่มทัศนะจินดา และ นายกรรชัย กำเนิดพลอย

บนเวทีที่สามย่านมิตรทาวน์จึงมิใช่พื้นที่ที่เหมาะสมและสะท้อนตัวตนของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ในฐานะ”มือปราบ”ได้ดีนัก

การเฟดออกไปจากเวที”การอ่าน”และ”หนังสือ”จึงดีกว่า