E-DUANG : จับตา กระบวนการ นิติสงคราม จากยุค ไทยรักไทย มาสู่ ก้าวไกล

บทบาทของ 1 คณะก้าวหน้า กับ 1 พรรคก้าวไกล กำลังได้รับการจ้องจับอย่างต่อเนื่องจากกลุ่ม”อำนาจนำ”ที่กุมกลไกแห่งอำนาจรัฐอยู่ในปัจจุบัน

เป็นการจ้องจับว่าจะ “จัดการ” อย่างไรเพื่อมิให้ 1 คณะก้าวหน้า และ 1 พรรคก้าวไกล เติบใหญ่ ขยายตัวมากยิ่งไปกว่านี้

บทสรุปเช่นนี้มาจาก”ปรากฏการณ์”อย่างไรในทางการเมือง

คำตอบ 1 เห็นได้จากการรุกไล่ในเรื่องซึ่ง นายปิยบุตร แสงกนก กุล เคยอธิบายอย่างรวบรัดผ่านกระบวนการแห่ง”นิติสงคราม”

ทำไมจึงต้องขยายไปถึง นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ

ทำไมจึงมีการรุกไล่ต่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทำไมจึงมีการรุกไล่ต่อ นายปิยบุตร แสงกนกกุล

แม้กระทั่ง น.ส.พรรณิการ์ วานิช ไปต่อพาสปอร์ตก็เป็นเรื่อง

คำตอบ 1 เห็นจากปฏิบัติการ”ไอโอ”ด้านการข่าวที่ขยายความ ขัดแย้งระหว่างพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยให้เป็นเรื่องใหญ่

ฟาดตีกันอุตลุดอยูในโลกของ”โซเชียล”ยิ่งกว่า”ยูเครน”

 

บทเรียนของกลุ่ม”อำนาจนำ”ซึ่งกุมกลไกอำนาจรัฐที่นำมาใช้กับกรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นการสรุปความจัดเจนจากกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร

เมื่อมีการยุบพรรคไทยรักไทย เมื่อมีการยุบพรรคพลังประชาชน ก็มีการยุบพรรคอนาคตใหม่

กล่าวสำหรับกรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็สุมข้อหาเข้าไปอย่างมากมายตั้งแต่ มาตรา 112 ประสานกับมาตรา 116 ดึงแข้งดึงขามิให้เคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น

ทั้งนี้แทบไม่ต้องกล่าวถึงการแพร่ข่าวลือให้ร้ายโจมตีจากคณะ ก้าวหน้าเพื่อโยงไปมิให้พรรคก้าวไกลโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน

เดินไปในแต่ละก้าวย่างด้วยความราบรื่น

 

น่าสนใจก็ตรงที่บทเรียนจากกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร ทั้งๆที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่กลุ่มที่กุม”อำนาจนำ”ในกลไกอำนาจรัฐก็ยังนำมาใช้ต่อกรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ไปไกลถึงกับ”เสี้ยม”ให้พรรคเพื่อไทยทะเลาะกับพรรคก้าวไกล

กระนั้น จากยุคของพรรคไทยรักไทยก็อวตารมาเป็นพรรคเพื่อไทย เช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ก็อวตารมาเป็นพรรคก้าวไกล

ทั้งพรรคเพื่อไทย ก้าวไกล ก็ยังชูธง”ประชาธิปไตย”ไม่มีเปลี่ยน