เผยแพร่ |
---|
เหตุปัจจัยอะไรทำให้บาง”คำพูด”ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า บนเวทีปราศรัยในการเลือกตั้งซ่อมที่ เขต 6 สงขลา ส่งผลสะเทือนเป็น อย่างสูงในทางการเมือง
เป็นผลสะเทือนอันทำให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ต้องเก็บปาก เงียบเชียบ ไม่ว่าที่สงขลา ไม่ว่าที่ชุมพร
ขณะเดียวกัน ก็สร้างความคึกคักให้เป็นอย่างมากจากบรรดาขุนพลนักปราศรัยแห่งพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ไม่ว่าจะเป็น นายนิพนธ์ บุญญามณี
ต่างหยิบยกตัวอย่างของนักการเมือง”น้ำดี”อย่าง นายชวน หลีกภัย ขึ้นมาชูสูงเด่น ทั้งๆที่เป็นนักการเมือง”บ้านนอก”แต่ก็ยังได้ เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เพราะแสดงความล้ำเลิศอยู่ในความนิยมของประชาชนทั้งๆที่เป็นคนไม่มีเงิน และไม่เคยใช้เงิน”ซื้อเสียง”แม้แต่บาทเดียว
การพูดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จึงกลายเป็น”จุดอ่อน”
ทั้งๆที่หากพิจารณาไปแล้ว บทสรุปของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มาจากภาพด้านหลักของการเมืองอย่างที่ดำรงอยู่อย่างเด่นชัด
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อาจเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ หากเทียบกับนักการเมืองรุ่น นายชวน หลีกภัย หรือแม้กระทั่งนักการเมืองอย่าง นายนิพนธ์ บุญญามณี
แต่หากพิจารณาจากเส้นทางการเคี่ยวกรำในทางการเมือง ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็มิได้เป็น”ละอ่อน”หรือ”ไร้เดียงสา”
อย่างน้อยที่สุด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมายังพรรคพลังประ ชาชน พรรคเพื่อไทย ก่อนไปเป็นเส้นเลือดใหญ่ให้กับรัฐบาล
ภายในพรรคพลังประชารัฐก็ใช้ว่าจะมีนักการเมือง”น้ำดี”จาก พรรคไทยรักไทย หากยังมีจากพรรคประชาธิปัตย์รวมอยู่ด้วย
บทสรุปของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จึงมาจากที่เห็นเป็นอยู่
ถามว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นการเมืองโดยไม่ได้ใช้เงินจริงละหรือ ไม่ว่าจะเป็นในยุค ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ไม่ว่าจะเป็นในยุค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
หากถาม นายชวน หลีกภัย ก็ได้ยิน”โอวเลี้ยงก็ไม่เคยเลี้ยง”
แต่หากถามในยุคที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ในยุคที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเลขาธิการพรรค ยังเป็นเช่นนั้นอยู่หรือ
คำถามนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อาจตอบได้ดีที่สุด