เผยแพร่ |
---|
หากกรณีการเดบิวต์ของ “ศีตลา”มิได้เกิดขึ้นและดำรงอยู่ในบรรยา กาศแห่งการตายของจอมเผด็จการ ชุน ดู ฮวาน แห่งเกาหลีใต้ # ว่าด้วย”ศีตลา”และ”แบนลูกหนัง”สามารถทะลุทะลวงขึ้นมาได้หรือไม่
ทะลุทะลวงถึงขนาดติดอันดับ 1 ใน 10 ของเทรนด์ทวิตเตอร์ ยิ่งเมื่อผนวกทะหวีดของทั้ง 2 # เข้าด้วยกันก็มากกว่า 2 ล้าน
นี่ย่อมเป็นปฏิบัติการในลักษณะสวนกับ”แก้ไขไม่แก้แค้น”โดย ตรง ไม่ว่าจะมองในเรื่องของการเมือง ไม่ว่าจะมองในเรื่องของด้อม เกาหลีที่ยึดครองเทรนด์ทวิตเตอร์อยู่ก็ตาม
เพราะกรณีของ ชุน ดู ฮวาน เสมอเป็นเพียงความสัมพันธ์อันโยงมาจากเกาหลีภายใต้รูปโฉมแห่งการเป็นเผด็จการซึ่งมีรากฐาน มาจากการเป็นทหาร
จึงไม่ยากที่จะเชื่อมร้อยเข้ากับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประ ชาชนเพื่อประชาธิปไตยอันมีส่วนอย่างสำคัญในการปูทางและสร้าง
เงื่อนไขให้เกิดรัฐประหารเดือนกันยายน 2549
ตรงนี้เองที่ทำให้กรณีของ”ศีตลา”ทวีความร้อนแรงกระทั่งแตกแบรนด์ไปสู่#แบนลูกหนังได้อย่างคึกคัก ร้อนแรง
พลันที่เกิดปรากฎการณ์”ศีตลา”สิ่งที่ตามมาโดยอัตโนมัติก็คือการขุดคลิปเก่าของคำปราศรัยออกมาอย่างครบถ้วนว่ามีการพูดอย่างไร มีการแสดงบทบาทอย่างไร
จึงไม่เพียงแต่บิดาของ”ศีตลา”เท่านั้นที่ตกเป็น”จำเลย”และส่งผลสะเทือนมาถึง”ลูกสาว”
หากแต่ละบทบาทของ”แกนนำ”อันเป็น”ตัวละคร”สำคัญในการสร้างรอยแค้นและผลสะเทือนต่อเนื่องในทางการเมืองก็ล้วนถูกขุดขึ้นมาประจานกันอย่างถ้วนหน้า
ในกาลอดีตอาจขุดแต่เพียงบางถ้อยคำและคำพูดซึ่งจดจารผ่านหนังสือพิมพ์และหนังสือ แต่สำหรับยุคใหม่ก็เป็น”คลิป”มีเสียง
และภาพสดใสเปี่ยมด้วยชีวิตและวิญญาณครบถ้วน
พลันที่ปรากฎการณ์”ศีตลา”ได้บังเกิดสังคมก็พอคาดหมายได้เลยว่า บรรยากาศทางการเมืองนับจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นบรรยากาศแห่งการคิดบัญชีกันทุกเม็ด ไม่มีเว้น
ไม่ว่าจะก่อนเดือนกันยายน 2549 ก่อนเดือนพฤษภาคม 2557
ไม่ว่าจะเป็นในแวดวงของ”นักรัฐประหาร” ไม่ว่าจะเป็นในแวดวงของ”นักเคลื่อนไหว”ทางการเมือง
ยิ่งเข้าสู่โหมด”การเลือกตั้ง”ยิ่งมากด้วยความรุนแรง แหลมคม