หากจับปฏิบัติการรุกไล่ต่อคณะก้าวหน้า ต่อพรรคเพื่อไทยในการขยายผลจากคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผลสะเทือนจากระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ

รู้สึกแปลกใจหรือไม่กับท่าทีและท่วงทำนองของหลายคนจากคณะก้าวหน้า ของหลายคนจากพรรคก้าวไกล

เหมือนกับมิได้วิตก เหมือนกับมิได้หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช ยังเดินหน้าลุยสนามเลือกตั้ง”อบต.”เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

การเดินสายของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ยังเป็นไปอย่างปรกติ ขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยังร่วมกับ น.ส.พรรณิการ์ วา นิช เปิด”ก้าวหน้า ทีวี”ด้วยความคึกคัก

ยิ่งมองเข้าไปภายใน”พรรคก้าวไกล”ยิ่งต้องตะลึงตึง ตึง

ไม่ว่าจะเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ว่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ล้วนพร้อมเสมอกับทุกสถานการณ์ที่ดาหน้าเข้ามา

ยิ่งเจ๊เจี๊ยบ อมรัตน์ ยิ่งคึกคักในทุกพื้นที่ที่เดินเยี่ยมเยือน

 

ถามว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่รู้หรอกหรือว่าระบบเลือกตั้งใหม่โอกาสจะเป็นของพรรคใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะจากระบบ 400 เขตเลือกตั้ง

ขณะที่พื้นที่ระบบบัญชีรายชื่อหดเหลือเพียง 100 เท่านั้น

ระบบเขตคือจุดอ่อนอย่างยิ่งของพรรคอนาคตใหม่ที่ต่อเนื่องมายังพรรคก้าวไกล ตัวอย่างจากการเลือกตั้งนายกอบจ.เด่นชัดอย่างยิ่ง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเด่นชัดอย่างยิ่ง

ขณะที่การเลือกตั้งนายกอบจ.ในวันที่ 28 พฤศจิกายน ก็ยากยิ่ง ที่จะคาดหมายว่าจะเข้ารอยเดียวกับอบจ.และเทศบาลหรือไม่

ความไม่หวั่นไหวมาจากความแกร่ง หรือจากความไร้เดียงสา

เป็นคำถามโดยตรงไปยังคณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล

 

คำตอบคำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้ยินจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่จำเป็นต้องได้ยินจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขอเพียงให้ดูจาก 2 สถานการณ์อันแหลมคม

1 เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ 1 เมื่อร่างของ”รี-โซลูชั่น”ถูกคว่ำ

เป็นเรื่องย่ำแย่อย่างแน่นอน  แต่ถามว่ามีความหวาดกลัวท้อแท้หรือไม่