เผยแพร่ |
---|
จำเป็นต้องมองปรากฏการณ์เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน กับ ปรากฏการณ์เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน อย่าง”นักสังเกตการณ์”
เป็นการ”สังเกตการณ์”ในแบบของ”คนเสมอนอก”
กระบวนการในการ”สังเกตการณ์”ที่ดีเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือ จับผลสะท้อนและแรงสะเทือนตามมา
น่าสังเกตว่า ผลสะเทือนจากการอ่านคำวินิจฉัยของตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน มีทั้งที่คนชโยโห่ร้องด้วย ความสมหวังตามที่ตั้งใจ
และทั้งคนที่หงุดหงิด รู้สึกไม่พอใจ แต่ไม่อาจแสดงออกได้อย่าง ฉับพลันทันใด เพราะว่าเป็นคำวินิจฉัยของ”ตุลาการ”จากศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีผลผูกพันในทุกองค์กร
อาจมีเพียงผู้ถูกกล่าวหาและตัวแทนของผู้ถูกกล่าวหาจำนวน หนึ่งที่แสดงความหงุดหงิดไม่พอใจตั้งแต่ก่อนการอ่านคำวินิจฉัย
และเกิด”ปฏิกิริยา”ร่วมไปกับ”เยาวชน”ที่มารอรับฟังการอ่าน
และเมื่อถึงการเคลื่อนไหวในวันที่ 14 พฤศจิกายน ทุกความรู้สึกที่เก็บกดเอาไว้ก็ปะทุออกมาจนหมดสิ้น
มีคนชมชอบกับคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน ทั้งเป็นความชมชอบซึ่งเปี่ยมด้วยความพร้อมที่จะขยายผลออกไปสู่การปฏิบัติต่อเนื่อง
เห็นได้จากการออกมาคิดบัญชีกับพรรคการเมืองบางพรรค เห็นได้จากการคาดหมายว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป
กระบวนการที่ชมชอบและเห็นคล้อยตามต่อคำวินิจฉัยไปไกลถึงขนาดที่พร้อมจะเล่นงานคนที่เคยเข้าร่วมในการชุมนุม เคยมีส่วน แม้กระทั่งการเป็น”นายประกัน”ให้กับผู้ถูกจับกุม
กระทั่ง มีการคาดหมายว่าหากการขยายผลได้รับการขานรับก็จะมีผู้ต้องหาเป็นเรือนแสน
เพียงผู้ร่วมลงชื่อยกเลิก 112 ก็มากกว่า 2 แสนไปแล้ว
เวลาเพียงไม่ถึงสัปดาห์ยากเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์จากการอ่านคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะเติบใหญ่และขยายตัวไปเช่นไร เป็นการทำให้ปัญหาจบหรือเริ่มต้นขึ้นบทใหม่
เป็นบทใหม่ของการยุติ หรือเป็นบทใหม่ในปมประเด็นใหม่
พลันที่สัมผัสได้จากปรากฏการณ์จากแยกปทุมวันไปยังสถานทูตเยอรมนีในวันที่ 14 พฤศจิกายน ก็เริ่มมองเห็นคำตอบ
เป็นคำตอบแห่งการเริ่มบทใหม่ในการยกระดับความขัดแย้ง