เผยแพร่ |
---|
ท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อกระแสและการเคลื่อนไหวกรณีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นท่าทีอันมี “พลวัต”
สะท้อนจังหวะก้าว สะท้อนการเปลี่ยนแปลงอย่างเด่นชัด
แม้จะมีคนจำนวนไม่น้อยมองและประเมินว่าท่าทีของ นายทักษิณ ชินวัตร ล่าสุดอาจก่อให้เกิดอาการสะดุดและหยุดชะงักใน ทางการเมือง
กระนั้น หากจับจากตัวของ”เนื้อความ”ซึ่งส่งตรงจากมหานครดูไบก็มิได้หยุดนิ่ง ตรงกันข้าม มีการเปลี่ยนแปลง สะท้อนให้เห็นการ เคลื่อนไหวในทางความคิด
เป็นความรู้สึกที่เห็นอกเห็นใจต่อชะตากรรมของเยาวรุ่น คนรุ่น ใหม่ที่ต้องเผชิญ และตระหนักในการขยายใช้อำนาจจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างไม่เที่ยงธรรม
อาจเป็นการขยับไม่มากนักหากเปรียบเทียบกับ”เพื่อไทย”
กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่าไม่ว่า นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าพรรค เพื่อไทยได้ย้ายออกจากสถานภาพ”เดิม”ของตนเป็นอย่างสูง
นั่นก็คือ การเปิดรับกับแนวโน้มใหม่อันจะปรากฏขึ้นตามมา
หากสำรวจสภาพการณ์ในทาง”ความคิด”ที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยนับแต่บังเกิด”ราษฎรประสงค์ยกเลิก 112”ในการชุมนุมทางการเมือง ณ แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม
เราเห็นแถลงขานรับจากประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย
เน้นอย่างจริงจังด้วยความห่วงใยไปยัง”นักโทษทางความคิด”
เราเห็นแถลงจาก”กลุ่มแคร์ คิด เคลื่อน ไทย”พร้อมที่จะหนุนส่ง การเคลื่อนไหวในเรื่องมาตรา 112 เช่นเดียวกับคำประกาศอันมาจากคณะก้าวหน้าที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์
ยิ่งกว่านั้น พรรคเสรีรวมไทยก็แถลงถึงความต้องการที่จะแก้ไข
ขณะที่พรรคก้าวไกลก็ยืนยันในร่างเดิมที่เสนอไปในกุมภาพันธ์
ขณะเดียวกัน ในอีกด้านก็เกิดการรวมตัวกันของพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคไทยภักดี เกิดเป็นแนวร่วมปกป้องมาตรา 112 อย่างขันแข็ง
ก่อให้เกิดพันธมิตรในแนวร่วม 2 แนวทางขึ้นอย่างชัดเจน
แนวทางหนึ่ง ยืนยันความเหมาะสมของมาตรา 112 แนวทางหนึ่ง ยืนยันจุดอ่อนและความจำเป็นที่จะต้องมีการแก้ไข ปรับปรุง
นี่คือ 2 แนวทางที่จะเข้มข้นยิ่งขึ้นเมื่อเข้าสู่”การเลือกตั้ง”