เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่าจะมองในฐานะที่เป็น “ขุนพล” ไม่ว่าจะมองในฐานะที่เป็น”อาวุธ” ไม่ว่าจะมองในฐานะที่เป็น “เครื่องมือ”
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็เสมอเป็นเพียง”หมากเบี้ย”หนึ่ง
เป็นหมากเบี้ยหนึ่งที่ถูกเรียกมาใช้เพื่อช่วยทำให้ได้กำชัยในพื้นที่ของการเลือกตั้ง เป็นหมากเบี้ยหนึ่งที่ถูกผลักดันให้เข้าไปประ สานกับกลุ่มส.ส.”ปัดเศษ”
เป้าหมายก็เพื่อให้กระบวนการขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอ ชา เป็นนายกรัฐมนตรีในเดือนมิถุนายน 2562 มีน้ำหนักและมีความ สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นในสภาผู้แทนราษฎร
เมื่อสามารถทำงานได้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายก็ปูนบำ เหน็จให้ได้รับตำแหน่งเป็น”รัฐมนตรี” และต่อมาก็ไว้วางใจให้ได้รับตำแหน่งเป็น “เลขาธิการพรรค”
ดำรงสภาพเหมือนกับเป็น”เส้นเลือดใหญ่”ให้กับ “รัฐบาล”
แต่เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมหนึ่งซึ่งจำเป็นต้องตัดทิ้งไปก็แทบไม่มีความอาวรณ์ห่วงหา
นี่ย่อมเป็นชะตากรรมของ”หมากเบี้ย”ในทางการเมืองทั้งปวง
ไม่เพียงแต่จะสัมผัสได้จากเส้นทางเหมือนผีพุ่งใต้ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในพรรคพลังประชารัฐหรอก
มี”ตัวอย่าง”อย่างเป็น”รูปธรรม”มากมายก่อนหน้านี้
ขอให้ดูเส้นทางของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เมื่อเข้าดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีหลังรัฐประหารเมื่อปี 2557 ก็ชัดเจน
เพียงถึงเดือนสิงหาคม 2558 ก็ถูก”อับเปหิ”ออกไป
แรกที่ดึง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามาแทนที่ก็ให้เกียรติยกย่องเลิศลอย ทั้งยังมอบหมายให้เข้าไปจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐพร้อมกับสานุศิษย์ที่เรียกว่า “4 กุมาร”
แต่แล้วหลังการเลือกตั้งไม่นานก็ถูก”อับเปหิ”ออกไป
เหมือนกับจะมีความแตกต่างระหว่างเส้นทางของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล กับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายอุตตม สาวนายน กับ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงก็ดำรงอยู่ในสถานะของ”หมากเบี้ย”
ครั้งหนึ่งอาจยกย่องว่าเป็น”เส้นเลือดเข้าหล่อเลี้ยงหัวใจ”แต่เมื่อหมดความจำเป็นก็ไม่ลังเลที่จะ”อับเปหิ”พ้นไปจากเส้นทางอย่างฉับพลันทันใด
นี่คือ “วิถี” และเป็นวิถีที่”หมากเบี้ย”ทางการเมืองต้องประสบ