คำประกาศจากพรรคเพื่อไทยที่จะได้ ส.ส.ในการเลือกตั้งสมัยหน้า ไม่ต่ำกว่า 200 คน คำประกาศจากพรรคพลังประชารัฐที่จะได้ส.ส.ในการเลือกตั้งสมัยหน้าไม่ต่ำกว่า 150 คน

ก่อให้เกิดทั้งความสั่นไหว ไม่แน่ว่าจะเป็นไปได้ และนำไปสู่จินตนาการทั้งการเมืองอย่างมากด้วยสีสัน

เมื่อมองเห็นการแสดงออกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ในการ ปลดออกจากตำแหน่ง”รัฐมนตรี”

ทั้งๆที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ดำรงตำแหน่งในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ

และเมื่อมีการแสดงออกอย่างเด่นชัดจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุ วรรณ ในการปกป้อง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ในตำแหน่งเลขาธิการพรรค เหรัญญิกพรรค

พร้อมกับชื่อ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ปรากฏขึ้น

ยิ่งทำให้”จินตนาการ”ทางการเมือง ยิ่งมากด้วยความเพริศแพร้วพรรณรายเป็นอย่างสูง

 

ภายในความเพริศแพร้วพรรณรายเป็นฉายฉันนั้นยิ่งทำให้ระยะห่างระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐ หดแคบกระทั่งทำท่าว่าจะกลายเป็นพันธมิตรกันขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

ในเมื่อคู่ต่อสู้ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คนๆเดียวกันกับคู่ต่อสู้ของพรรคเพื่อไทย

ยิ่งเมื่อนำเอานามของ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา มาวางเรียงอยู่เคียงข้างกับนามของ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ซึ่งเป็น”พี่” ที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ให้ความเคารพ

ยิ่งทำให้ความเป็น”สะพานเชื่อม”ระหว่าง พรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐ มิได้มีแต่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เพียงผู้เดียว 

หากแต่มี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา รวมอยู่ด้วย

 

คำถามที่เสนอเข้ามาก็คือ ความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในห้วงแห่งการเปิดอภิปราย “ทั่วไป”เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจมีรากฐานมาอย่างไร

มาจากปฏิบัติการ”ดีล” หรือมาจาก”ปัญหา”ที่มีอยู่แล้ว

เป็นปัญหาอย่างที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แถลงเมื่อลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ทุกวันนี้”ความขัดแย้ง”มีมากเกินไป

อันนำไปสู่สโลแกนใหม่”ความสงบจบที่ลุงตู่”ในทางเป็นจริง