เผยแพร่ |
---|
ในที่สุด การชุมนุมในพื้นที่แยกอโศกมนตรี บนถนนสุขุมวิท ก็ทำท่า ว่าอาจจะเป็นการชุมนุมในลักษณะยืดเยื้อ
เป็นไปได้ว่าจะกลายเป็น”ป้อมค่าย”ใหญ่หนึ่งในทางการเมือง
ที่ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ออกมายอมรับว่า แรงบันดาลใจสำคัญของเขามาจากที่ได้เห็นการปรากฏขึ้นของ”ทะลุฟ้า”ในพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงในเดือนสิงหาคม
จากมุมมองของนักออกแบบการเคลื่อนไหวอย่าง นายสมบัติ บุญงามอนงค์ อาจไม่เห็นด้วยกับเสียงปะทัดยักษ์และพลุระเบิด แต่ กลับตื่นตาตื่นใจกับลักษณะเป็นไปเองและความต่อเนื่อง
เป็นความเป็นไปเองทุกเย็นย่ำจะต้องเดินทางไปยังสามเหลี่ยม ดินแดงโดยมิได้มีการนัดหมาย โดยไม่มีใครแสดงตนเป็นผู้นำ เป็น ความเป็นไปเองตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมกระทั่งวันที่ 5 กันยายน
ภาพจาก”สามเหลี่ยมดินแดง”จึงนำมายัง”แยกอโศกมนตรี”
เป็นการประสานระหว่างนักออกแบบเช่น นายสมบัติ บุญงาม อนงค์ กับนักเคลื่อนไหวเช่น นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ
กลายเป็นพื้นที่ของ”ม็อบ เฟสติวัล”อันคึกคักกลางมหานคร
จาก 2 ครั้งของการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะมองไปยังเมื่อวันที่ 2 กันยายน ไม่ว่าจะมองไปยังเมื่อวันที่ 5 กันยายน ภาพแห่งเทศกาล ม็อบเห็นอย่างเด่นชัด
เพียงแต่จะประสานเอาข้อดีของ”คาร์ม็อบ”ที่เคยปรากฏตั้งแต่ วันที่ 1 สิงหาคมเข้ามาได้อย่างไร
นี่คือ โจทย์ในทางการเมืองที่”นักออกแบบ”จักต้องขบคิด
กล่าวสำหรับการเคลื่อนไหวในบรรยากาศแห่งประกาศสถาน การณ์”ฉุกเฉิน” และข้อกำหนดจากสถานการณ์โควิด การได้มวลชน เข้ามาร่วมจนเต็มพื้นที่นับว่าเหลือเชื่อ
การออกแบบให้”คาร์ม็อบ”เข้ามามีส่วนร่วมจึงคือปัจจัยสำคัญ
และนี่ย่อมเป็นงานที่ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ จักต้องร่วมขับเคลื่อน
คล้ายกับว่าผลการลงมติที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สามารถสยบ ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ จะกลายเป็นผลดีทางการเมืองต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กระนั้น ความฉายโฉ่ที่เห็นและเป็นอยู่ในที่ประชุม”รัฐสภา”
กลับกลายเป็นปัจจัยก่อให้เกิดผล”ด้านลบ”ต่อการดำรงอยู่ของนักการเมืองและทำให้มีความจำเป็นต้องเคลื่อนไหวนอกรัฐสภา
ประการหลังนี้จะสร้างความคึกคักให้กับพื้นที่”แยกอโศกมนตรี”