เผยแพร่ |
---|
ยิ่งปรากฏตัว ยิ่งทำให้สังคมมีความเข้าใจในตัวตนแห่งความเป็น โทนี่ วู้ดซั่ม เด่นชัดมากเป็นลำดับ
ตัวตนนี้ของ โทนี่ วู้ดซั่ม ดำรงอยู่อย่างมั่นคง แน่วแน่
ไม่ว่าจะก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าจะหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ความเป็น โทนี่ วู้ดซั่ม ก็ไม่เคยแปรเปลี่ยน
หากจะเคยผ่านสถาบันทางทหารมาแบบเดียวกันกับ จอมพล ป.พิบูลสงคราม หรือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แต่ โทนี่ วู้ดซั่ม ก็คิด เหมือนและคิดต่างไปจาก 2 คนนั้น
ความเหมือนอยู่ตรงที่เขายังมั่นคงอยู่กับความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่เคยแปรเปลี่ยน แม้จะถูกให้ร้ายป้ายสีอย่างชั่วร้ายและเลวทรามจากฝ่ายตรงกันข้าม
ขณะเดียวกัน โทนี่ วู้ดซั่ม ก็แตกต่างไปจากนักการเมืองคนอื่น
ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองอย่าง นายบรรหาร ศิลปะอาชา ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองอย่าง นายชวน หลีกภัย
ตรงที่นำนวัตกรรมใหม่ในเชิงบริหารเข้ามาในพื้นที่การเมือง
นวัตกรรมอันมาจากความคิดประดิษฐ์สร้างของ โทนี่ วู้ดซั่ม ก็คือเมื่อประกาศเป็น”นโยบาย”แล้วก็สามารถแปรนามธรรมแห่งนโย บายไปสู่รูปธรรมแห่งการปฏิบัติที่เป็นจริง
พรรคไทยรักไทยจึงเป็นพรรคที่ขาย”นโยบาย” จุดประกายแห่ง ความหวังให้กับประชาชน
พลันที่ได้เป็นรัฐบาลและได้แปร”นโยบาย”ไปสู่”การปฏิบัติ”ที่เป็นจริงตามคำประกาศ ไม่ว่าจะเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค ไม่ว่าจะ เป็นกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เป็นต้น
ความสำเร็จนี้ก็เป็นตราประทับให้กับยี่ห้อของ โทนี่ วู้ดซั่ม ไม่ว่าจะชื่อพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย
สามารถกำชัยในการเลือกตั้งได้ทุกครั้ง ไม่มีผู้ใดต่อกรได้
ถามว่าการฟื้นคืนมาอีกคำรบหนึ่งของ โทนี่ วู้ดซั่ม เป็นไปตามพิมพ์ เขียวในทางการเมืองแบบไหน
ยังคงเป็น”ปฏิมา”แห่งความสำเร็จในแบบ”ไทยรักไทย”
เพียงแต่ประยุกต์ผ่านกระบวนการของ”พรรคเพื่อไทย” ภายใต้กระสวน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” เป็นการจุดประกายแห่งความหวัง ขึ้นมาอีกครั้งในท่ามกลางความอับเฉาทางปัญหา
นั่นก็คือ ตัวตนแห่ง”นักปฏิรูป”มิใช่ตัวตนแห่ง”นักปฏิวัติ”