เผยแพร่ |
---|
คำประกาศความพร้อมในการส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงครบ 350 เขตกำลัง เป็นลักษณะ”ร่วม”อย่างหนึ่งของพรรคการเมือง
จัดได้ว่าเป็นพรรคการเมืองที่มุ่งหมายและเอาจริง
คล้อยหลังคำประกาศก็สามารถแยกจำแนก”ความพร้อม”ของแต่ละพรรคการเมืองออกมาอย่างเด่นชัด
ไม่เพียงแต่ทำให้พรรคก้าวไกลเข้าไปยืนอยู่ระนาบเดียวกันกับ พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐโดยอัตโนมัติ หากแต่ยังบีบให้พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องยืนยัน
เพราะจำนวนผู้สมัคร 350 เขตบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นในขอบเขตทั่วประเทศ ไม่เพียงแต่บ่งบอกถึงความพร้อมในด้านตัวบุคคล หากแต่ยืนยันความพร้อมในด้านเงินทุน
ยิ่งกว่านั้น เป้าหมายก็มิได้อยู่ที่ ส.ส.ระบบเขตอย่างเดียว หากแต่ยังหมายถึงระบบบัญชีรายชื่ออีกด้วย
มีความสำเร็จอย่างน้อยก็ 2 ความสำเร็จที่ได้เป็น”หมุดหมาย”
1 คือความสำเร็จในกระสวนของพรรคเพื่อไทย 1 คือความสำเร็จในกระสวนของพรรคอนาคตใหม่
ความสำเร็จที่พรรคเพื่อไทยได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับ 1 ผลก็คือทำให้ไม่ได้ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว
พรรคเพื่อไทยจึงกำหนด”ยุทธศาสตร์”ทางการเมืองใหม่
ขณะเดียวกัน ความสำเร็จที่พรรคอนาคตใหม่ได้รับเลือกเป็นจำนวนมากกว่า 80 โดยด้านหลักเป็นระบบบัญชีรายชื่อขณะที่ด้าน รองคือระบบเขต
เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบกลายมาเป็นพรรคก้าวไกลก็ยังยืนยันเส้นทางการเคลื่อนไหวในขอบเขตทั่วประเทศโดยหวังคะแนน จากคนรุ่นใหม่และในเขตเมืองเป็นด้านหลัก
การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีก 1-2 ปีข้างหน้าจึงแหลมคมยิ่ง
เป็นความแหลมคมที่จะพิสูจน์ทั้งแบบเพื่อไทยหรืออนาคตใหม่
คำถามก็คือ สถานการณ์ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ การแพร่ระบาดของโควิด
จะมีผลสะเทือนก่อให้เกิด”ภูมิทัศน์ใหม่”ทางการเมืองหรือไม่
และภูมิทัศน์ใหม่ในทางการเมืองจะเป็นผลดีต่อพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย หรือพรรคก้าวไกลคำตอบอยู่ไม่ไกล