ปฏิบัติการของ”ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม”แต่ต้องการจะคุกคามไป ยัง นายรังสิมันต์ โรม ณ คอนโดมีเนียมอันเป็นที่พำนักอยู่กับครอบ ครัวมีความเด่นชัด

เด่นชัดว่าแม้”ไม่ประสงค์”จะออก”นาม” แต่มีความต้องการให้รู้ว่ามีเป้าหมายอย่างไร

เรียกอย่างตรงไปตรงมาว่า “คุกคาม”

แม้ในเบื้องต้น นายรังสิมันต์ โรม จะยังไม่ได้เบาะแสอะไรอย่างแจ่มชัด กระนั้น เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก “ร่องรอย”ต่างๆก็เริ่มปรากฏ

ไม่ว่าจะเป็น “พาหนะ” ไม่ว่าจะเป็น”ภาพ”ผ่านกล้องวงจรปิด

และเมื่อตรวจสอบอย่างเคร่าๆก็สามารถรู้ความเป็นมาของพาหนะว่าเป็นการใช้หมายเลขทะเบียนปลอม ยิ่งเมื่อตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ต่อเข้าไปคุกคาม

ก็สามารถเจาะลึกลงไปรายชื่อบางรายชื่อซึ่งมีตัวตน

สุดท้ายทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ออกมายอมรับว่า กรณีนี้เกิดขึ้นจริง เพียงแต่ระบุว่าจะติดตามตรวจสอบต่อไปเท่านั้น

 

ความเชื่อมั่นของ นายรังสิมันต์ โรม เป็นความเชื่อมั่นบนพื้นฐานที่สรุปได้ว่า การคุกคามเป็นความสืบเนื่องจากการอภิปรายเรื่อง”ตั๋วช้าง”เมื่อเดือนกุมภาพันธ์

นั่นหมายความว่าปฏิบัติการนี้เป็นของ”ตำรวจ” ทั้งยังระบุด้วยว่าเป็นคำสั่งมาจากนายตำรวจยศระดับ”นายพล”

หากดูจาก”ภาพ” อันปรากฏผ่านกล้องวงจรปิด ไม่ว่าจะเป็นพาหนะที่โดยสารมา ไม่ว่าตัวบุคคลซึ่งเดินกร่างอยู่ในบริเวณของคอนโดมีเนียม

ก็เด่นชัดว่า แม้จะเป็นปฏิบัติการ”ลับ” แต่ก็เป็นปฏิบัติการที่มีเป้าหมายต้องการให้ นายรังสิมันต์ โรม รับรู้ว่าเป้าหมายอยู่ที่ตัวเขา

นั่นก็คือ เป็นปฏิบัติการกึ่ง”ลับ”และพร้อมที่จะ”เปิดเผย”ตัวตน

 

หากมองจากภูมิหลังที่ นายรังสิมันต์ โรม เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่หลังรัฐประหาร 2557 เหมือนกับ นายสมบัติ บุญงาม อนงค์ ก็สามารถเข้าใจได้

แต่หากมองจากสถานะแห่งการเป็น”ผู้แทนราษฎร”

ก็น่าสนใจอย่างยิ่งว่า หน่วยงานในสังกัดของปฏิบัติการ”ลับ”นี้มีเป้าหมายอะไรในทางการเมือง

ยิ่งตามการสืบค้นของ นายรังสิมันต์ โรม ก็ยิ่งแจ่มชัด