ท่วงทำนองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการหยิบเอาประเด็นว่าด้วย”จำนำข้าว”มาเป็นเครื่องมือ

เรียกกันในแวดวงกำลังภายในว่า “วิชาก้นหีบ”

นั่นก็คือ ไม่รู้ว่าจะใช้วิทยายุทธ์อะไรอีกแล้วก็มักจะใช้วิทยายุทธ์ตามความเคยชิน ประเมินและคิดว่าจะสามารถ”เอาตัวรอด”ไปจากสถานการณ์ได้

หากติดตามกระบวนการโจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตั้งแต่ยังอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหรือกระทั่งพ้นไปจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็จะรับรู้ได้

“อาวุธ”ที่ใช้ในการสร้างความเสียหายคือการหยิบยกประเด็นของ”จำนำข้าว”มาเป็นเครื่องมือ

ยิ่งเมื่อผ่านกระบวนการ”รัฐประหาร”นับแต่เดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมายิ่งออกอาวุธ”จำนำข้าว”กระหน่ำเข้าใส่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างต่อเนื่อง

เวลาผ่านมา 7 ปีมาแล้ว”อาวุธ”นี้ก็กลายเป็น”วิชาก้นหีบ”

ในที่สุด ที่เคยเป็นเครื่องมืออย่างวิเศษในการเล่นงาน กลับกลายเป็นเรื่องน่าหัวร่อ เป็นเรื่องน่าไยไพ

 

สถานการณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็อีหรอบเดียวกับสถาน การณ์ที่ นายทักษิณ ชินวัตร สถานการณ์ที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรือง กิจ ประสบ

นั่นก็คือ เมื่อกล่าวหาอย่างวิจิตรพิสดารมากๆเข้า สังคมก็เริ่มสงสัย ไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปเช่นนั้นหรือไม่

อย่างเช่นกล่าวหาในทำนองว่า นายทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังในทุกเรื่อง กล่าวหาในทำนองว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อยู่เบื้องหลังในทุกเรื่อง

แรกที่มีการกล่าวหาต่อ นายทักษิณ ชินวัตร คนก็อาจจะเชื่อ แต่เมื่อมีการขยายบานปลายมากยิ่งขึ้นคนก็เริ่มสงสัยแคลงคลางกัง ขาและกลายเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ

ในที่สุด ข้อกล่าวหาก็เสื่อมและคลายมนต์ขลังลงไป

 

ทุกวันนี้ คนรุ่นใหม่ก็เริ่มมองภาพ นายทักษิณ ชินวัตร ในอีกมุมหนึ่ง ทำท่าว่าอาจจะมาอยู่ใกล้เคียงกับภาพของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่อยู่ในกระแสนิยม

ยิ่งภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยิ่งน่าสนใจ

เป็นความน่าสนใจจากท่วงทำนองที่นอบน้อม ถ่อมตน มีกลิ่นอายแห่งความนุ่มนวลเป็น”สุภาพสตรี”

แตกต่างยิ่งกับท่าทีดุดันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา