เผยแพร่ |
---|
คำถามจากสภาพความเป็นจริงอันเกิดขึ้นใน 7 ปีของรัฐประหารนับแต่เดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา นำไปสู่สมมติฐานความเชื่อที่ว่าการเข้าสู่ปีที่ 8 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะไม่ราบรื่น
เป็นสภาวะที่ไม่ราบรื่นจากปัจจัยของ “โควิด” ซึ่งสะท้อนผ่านการจัดหาและตระเตรียมในเรื่อง”วัคซีน”เป็นสำคัญ
ความไม่ราบรื่นในที่นี้มิได้มองจากสภาพแห่งความล้มเหลวของการบริหารจัดการในห้วงนับแต่เข้าสู่สถานการณ์”ฉุกเฉิน”ในเดือนมีนาคม 2563 เป็นหมุดหมาย
เพราะจากเดือนมีนาคม 2563 มายังเดือนพฤษภาคม 2564 ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันแม้แต่น้อยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถนำพาประชาชนให้รอดปลอดภัยได้โดยราบรื่น
ตราบกระทั่งปลายเดือนพฤษภาคมและกำลังเหยียบบาทก้าวเข้าสู่เดือนมิถุนายนก็ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่ามี”วัคซีน”เท่าใด
การระงับแผน”วอล์ค อิน”ประสานการชะลอ”หมอพร้อม”
สร้างความไม่มั่นใจเป็นอย่างสูงว่าแผนการฉีด”วัคซีน”ประชาชนตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไปจะดำเนินไปอย่างไร
ข้อเรียกร้องล่าสุดของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ว่าขอให้รัฐบาลเปิดเผยรายละเอียดปริมาณการมีอยู่ของ”วัคซีน”ในมือจึงเป็นข้อเรียกร้องที่สำคัญและแหลมคม
ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนหลักอย่าง”แอสตร้าฯ” ไม่ว่าจะวัคซีนรองอย่าง”ชิโนแว็ค”หรือวัคซีนทางเลือกอย่าง”ซิโนฟาร์ม”
มีความแจ่มชัดแล้วโดยพื้นฐานจากซิโนฟาร์มว่าจะเข้ามาในเดือนมิถุนายน 1 ล้านโดส ขณะเดียวกัน ยังไม่มีความแน่นอนของ”แอสตร้าฯ”ว่าจะสานต่อแผนฉีดวัคซีนในเดือนิถุนายนได้อย่างไร
ทั้งๆที่กระทรวงสาธารณสุขทำสัญญากับ”แอสตร้าฯ”ไม่ว่าโดยตรง ไม่ว่าโดยอ้อม
หรือว่า”สัญญา” จะกลายเป็น”ความลับ”ที่มิอาจเปิดเผยได้
ข้อเสนออันมาจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สะท้อนอารมณ์และความรู้สึกโดย”ร่วม”ของประชาชนออกมาอย่างเด่นชัด
เพราะหาก”ไม่แน่นอน”ก็ยากที่จะวางแผนใดๆได้
ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนโดยกระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนของประชาชนแต่ละคนที่จะอาศัยการฉีดวัคซีนมาสร้างความมั่นใจ
ข้อเสนอนี้พุ่งตรงไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา