เผยแพร่ |
---|
เวที”ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย”อันขับเคลื่อนโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ มีความคึกคักเป็นอย่างสูง
ไม่เพียงดึง นายไพศาล พืชมงคล เข้ามาเท่านั้น
ไม่เพียงดึง ปัญญาชนสยาม สุลักษณ์ ศิวรักษ์ มาจัดในแบบปุจฉา วิสัชนา อย่างทะลุทะลวงในข้อมูล และลีลาของโวหารอันเข้มข้นเท่านั้น
หากในวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม ยังมาเยือนโดย นายสมชัย ศรีสุทธิยางกูร ตามมาด้วย นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี และตามมาด้วย นายจาตุรนต์ ฉายแสง
นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี นั้นเป็นแพทย์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นั้น เคยเป็นนักศึกษาแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาก่อน แต่ นายสมชัย ศรีสุทธิยางกูร มิใช่แพทย์ หากร่ายเรียงเรื่อง”วัคซีน”ได้เยี่ยม
เยี่ยมกระทั่งตรึงเวที”ไทยไม่ทน”ได้อย่างทรงประสิทธิภาพ
นี่คือพัฒนาการ นี่คือเงาสะท้อนแห่งความสำเร็จในการประสานสามัคคีกับทุกหมู่เหล่าเข้ามาอยู่ใต้ผืนธง”ไทยไม่ทน”
เป็นฝีมือและความสามารถของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เด่นชัด
การดึง นายไพศาล พืชมงคล เข้ามาอาจเป็นเรื่องแปลกอย่างชนิดนึกไม่ถึง แต่อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ เคยอยู่ใต้ร่มธงพรรคความหวังใหม่มากับ นายไพศาล พืชมงคล
2 คนนี้มีนายทหารชื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นตัวเชื่อมประสานอย่างทรงความหมาย
เช่นเดียวกับการดึงปัญญาชนสยามเข้ามาวิสัชนาบนเวทีก็ต้องคำนึงถึงการเป็นเด็กวัด”บวรนิเวศ”ของ นายจตุพร พรหมพันธ์ อย่างเด็ดขาด
ส.ศิวรักษ์ มีสายสัมพันธ์แนบแน่นยิ่งอยู่กับวัดบวรนิเวศ
สะท้อนให้เห็นว่า “เครือข่าย”และ”สายสัมพันธ์”มีความสำคัญ
อย่างยิ่งยวดในทางการเมือง
เป้าหมายที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ จะสามัคคีประชาชนอันหลากหลายแต่มีจุดร่วมกันบนพื้นฐานแห่ง”ไทยไม่ทน” จึงเริ่มประสบความสำเร็จ
เพราะในที่สุดไม่ว่า นายไพศาล พืชมงคล ไม่ว่า นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน
นั่นก็คือ ล้วนมิอาจทนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา