เผยแพร่ |
---|
มีแนวโน้มและความเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับว่า ปฏิบัติการทางการเมือง”ยืน หยุด ขัง”กำลังจะพัฒนาและกลายเป็น”ไวราล”ในทาง การเมืองอย่างแน่นอน
ไม่เพียงเพราะว่าเป็นปฏิบัติการที่สอดรับกับ”จริต”ของคนชั้นกลาง หากแต่สนอง”เจตนารมณ์”ของคนชั้นกลางได้เป็นอย่างดี
รูปธรรมก็คือ การยืนหยัดอย่างต่อเนื่องจากกิจกรรมอัน”กลุ่มพลเมืองโต้กลับ”ริเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 มีนาคมได้ดำเนินมาจนถึงวันที่ 17 เมษายน
ไม่เพียงเท่านั้นยังนำไปสู่ปฏิบัติการอย่างเดียวกันนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่เชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นที่อุบลราชธานี ไม่ว่าจะเป็นที่พระนครศรี อยุธยา ไม่ว่าจะเป็นที่ลำพูน
และจุดหนึ่งซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากยังเป็นปฏิบัติการอันนำโดย กลุ่ม”ราษมัม”ที่กำหนดทุกวันเสาร์นับแต่วันที่ 17 เมษายนเป็นต้นไป กระทั่งกลายเป็นจุดชุมนุมใหม่ในทางการเมือง
นี่คือปฏิบัติการทางการเมืองที่มีเป้าหมายอันเด่นชัดอยู่ที่การเปล่งคำขวัญในท้ายที่สุดคือ “ปล่อยเพื่อนเรา”
ต้องยอมรับว่าปฏิบัติการ”ยืน หยุด ขัง”เป็นเวลา 112 นาทีและที่ปรับเปลี่ยนมาเป็น 1.12 ชั่วโมง มิได้เป็นการเคลื่อนไหวอันอึกทึกครึกโครมในทางรูปแบบ
ตรงกันข้าม เป็นการเคลื่อนไหวในแบบที่ลัทธิเต๋าอาจเรียกได้ว่า เป็นกระบวนการ”อ-กรรม”
เริ่มต้นอย่างสมถะ เรียบง่าย จะแต่งตัวอย่างไรก็ได้ เมื่อไปถึงจุดนัดหมายก็จะมีคนนำเอาแผ่นภาพพร้อมกับข้อความมาให้ บ้างก็คล้องคอ บ้างก็ยืนถือ เงียบๆ
ไม่มีเวที ไม่มีการปราศรัย มีการเคลื่อนไหวแต่เป็นการเคลื่อนไหวเงียบๆ เป้าหมายเพียงเพื่ออาศัยความเงียบ อาศัยความเรียบง่ายไปกดดันในทางการเมือง
เป้าหมายสูงสุดอันเปล่งจากความเงียบคือ”ปล่อยเพื่อนเรา”
เป็นเป้าหมายที่เสนอต่อกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าต้นน้ำ กลางน้ำ หรือปลายน้ำ
แรกที่”กลุ่มพลเมืองโต้กลับ”ริเริ่มและดำเนินการ อาจมีเสียงหยามเย้ยไยไพมาจากอีกฝ่าย เช่นเดียวกับกรณีการอดอาหารของเพนกวิ้น ของรุ้งในที่คุมขัง
แต่นับวันปฏิบัติการด้วยความเงียบ ด้วยสันติ อหิงสา เปี่ยมด้วยขันติก็ค่อยๆเปล่งบารมีกลายเป็นพลังในทางการเมืองขึ้น