ทั้งๆที่ผลโหวตในตอนดึกของคืนวันที่ 10 เมษายน จะกำหนดวันอัน เหมาะสมที่จะเคลื่อนไหวเป็นวันเสาร์ที่ 17 เมษายน อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ

กระนั้น แถลงการณ์ REDEM ถึงเหล่าผู้ไม่ยอมก้มหัวเป็นทาสก็ประกาศ”เลื่อน”การเคลื่อนไหวออกไปโดยมิได้มีการกำหนด

เหตุผล 1 เน้นย้ำให้เห็นถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 โดยที่ยังไม่มีมาตรการที่มั่นใจได้จากรัฐบาล เหตุผล 1 เนื่องจากผลโหวตในกลุ่ม REDEM ไม่ถึงร้อยละ 20 ของสมาชิก

“เราจึงเห็นว่าจะเป็นการดีกว่าหากเราอดใจรอกันอีกสักนิด เพื่อให้สถานการณ์ทุเลาลง ก่อนที่เราจะเริ่มเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาลออกไป”

แถลงการณ์และการเลื่อนวันเคลื่อนไหวอาจเป็นที่สบอารมณ์ ของรัฐบาล และอาจนำไปสู่การไยไพเยาะเย้ยจากอีกฟากฝั่งหนึ่งซึ่ง จ้องอยู่แล้วทุกย่างก้าว

แต่ทั้งหมดนี้คือ รูปธรรมแห่งการยืดหยุ่นและพลิกแพลงในท่าม กลางการเคลื่อนไหวที่เป็นจริงทางการเมือง

แท้จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวโดย “เยาวชนปลดแอก”นับแต่เดือนกรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวโดยกลุ่ม REDEM นับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา

ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็น “พัฒนาการ” ในทางความคิด ในทาง การเมือง หากแต่ยังแสดงถึงการรู้จักปรับเปลี่ยนไปตามความจริง

เป็นความจริงอันสรุปและประเมินได้ในท่ามกลางการเคลื่อนไหวในสภาวะที่ “แกนนำ” ถูกหมายหัวและคุกคาม จับกุม รูปแบบที่เห็นเมื่อเดือนตุลาคม 2563 งดงามอย่างยิ่ง

ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ 5 แยกลาดพร้าว ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวที่แยกเกษตร บางเขน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

จึงได้ก่อกำเนิดการเคลื่อนไหวในแบบ REDEM ต่อมา

การศึกษาสภาพความเป็นจริง การยอมรับต่อสภาพความเป็นจริง การกล้าที่จะปรับรูปแบบอย่างยืดหยุ่นและพลิกแพลงจึงสำคัญ

ต้องยอมรับว่า บทเรียนการเคลื่อนไหวของสังคมหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพความเป็นจริงของสังคมนั้นๆ แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวในสังคมไทยเมื่อเวลาเปลี่ยน สถานที่เปลี่ยนก็ต้องปรับเปลี่ยนตาม

ความเป็นจริงที่ดำรงอยู่เบื้องหน้าต่างหากคือปัจจัยที่สำคัญและทรงความหมายที่สุดในแต่ละจังหวะก้าวของการเคลื่อนไหว