E-DUANG : ภาวะ ถดถอย ของ “ประยุทธ์” กับ 3 เส้าอำนาจ คอย”ค้ำยัน”

พลันที่เห็นอาการของเหล่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐที่ร่วมกันทำหนัง สือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยืนยันอำนาจของพรรคพลังประชารัฐในการปรับครม.

สังคมเริ่มสัมผัสได้ในอำนาจและบารมีทางการเมืองที่ลดลงเป็นลำดับของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี

ยิ่งเมื่อย้อนกลับไปศึกษาและพิจารณาผลการลงมติไว้วางใจ ไม่ไว้วางใจ งดออกเสียง ไม่ลงคะแนน ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้คะแนนไว้วางใจ 272 ปรากฏว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้คะแนนไว้วางใจ 274 ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้คะแนนไว้วางใจ 274

ยิ่งกว่านั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมน ตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้คะแนนไว้ วางใจเป็นจำนวนสูงถึง 275

มากกว่าคะแนนไว้วางใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากกว่าคะแนนไว้วางใจของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

 

คำถามอันตามมาโดยฉับพลันทันใดก็คือ คะแนนความไว้วางใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เพียงแต่จะน้อยกว่าคะแนนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หากยังน้อยกว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล

หากนำเอารูปธรรมและการแสดงออกเช่นนี้ไปเทียบกับเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ก็ยิ่งเป็นเรื่องเหลือเชื่อ

สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอนิจจังแห่งอำนาจและบารมี

สะท้อนให้เห็นจุดต่างจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยมีในห้วงหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

หลังการได้รับเสียงขานชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลัง ประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคเล็กๆอีก 17 พรรคการเมืองในเดือนมิถุนายน 2562

เวลาเพียง 2 ปีความถดถอดด้อยลงปรากฏอย่างเด่นเห็นชัด

อย่างน้อยคนที่จะขึ้นมาเทียบรัศมีก็มีทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุ วรรณ และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล

 

นับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไปอำนาจที่ค้ำยัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงดำเนินไปในลักษณะเป็น 3 เส้าแห่งอำนาจอย่างสัมผัสได้โดยตรง

1 อำนาจ 250 ส.ว. 1 อำนาจจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ 1 อำนาจจากพรรคภูมิใจไทยของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล

หากเส้าใดเส้าหนึ่งถอนตัวอำนาจนี้ย่อมพังครืน