เผยแพร่ |
---|
สถานะทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ปลายเดือนกุมภาพันธ์เมื่อย่างเข้าสู่เดือนมีนาคม เป็นสถานะซึ่งอำนาจในการต่อรองลดน้อยถอยลงเป็นลำดับ
ลดน้อยถอยลงตั้งแต่ละล้าละลังต่อจังหวะก้าวในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
และยิ่งหนักหนาสาหัสมากยิ่งขึ้นเมื่อรัฐมนตรี 2 คนจากพรรค ประชาธิปัตย์ถูกขุดคุ้ยออกมากระทั่งเปล่าเปลือย ณ เบื้องหน้าการอภิปรายจากพรรคเพื่อไทย จากพรรคก้าวไกล
1 คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 1 คือ นายนิพนธ์ บุญญามณ๊ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
และเมื่อบรรดาแกนนำกปปส.จำนวน 30 กว่าคนอันมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นผู้นำ ต้องคำพิพากษาจากศาลอาญา มรสุมนี้ก็ซัดกระหน่ำเข้าใส่พรรคประชาธิปัตย์อย่างหนักหน่วง
ผลที่ตามมาก็คือ อำนาจในการต่อรองทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ลดน้อยและด้อยราคาลงเป็นลำดับ
ต้องยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนอย่างสำคัญในการเคลื่อนไหวของกปปส.โดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก่อนรัฐประหาร เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
การเคลื่อนไหวนี้คนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปมีส่วนร่วมในระดับและอัตราที่แตกต่างกัน
ไม่ว่าหัวหน้าพรรค ไม่ว่าที่ปรึกษาพรรค ไม่ว่าสมาชิกพรรค
สถานการณ์นี้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องแตกและมีการแยกตัวตามมาเป็นเสี่ยงๆ ตั้งแต่ระดับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตามมาด้วยระดับ นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค
ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่ว่าพรรคกล้า ไม่ว่าพรรคไทยภักดี ล้วนมีคนของพรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปมีส่วนร่วมในระดับที่แตกต่างกัน
การแยกและแตกตัวเช่นนี้เองทำให้พลังภายในของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในภาวะระส่ำระสายขาดความเป็นเอกภาพ
มีแนวโน้มและความเป็นไปได้สูงมากว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคประชาธิปัตย์อย่างมิอาจปัดปฏิเสธได้
สถานะและการดำรงอยู่ของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์อาจได้รับผลกระทบและต้องมีการเปลี่ยน”ม้า”อย่างแน่นอน
ส่วนจะเป็นใครที่จะเสียบแทรกเข้าแทนที่อีกไม่นานมีคำตอบ