เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่าสถานการณ์อย่างที่เรียกขานว่า #ม็อบ10กุมภาพันธ์ ไม่ว่าสถานการณ์อย่างที่เรียกขานว่า #ม็อบ13กุมภาพันธ์ มีการวิพากษ์ วิจารณ์ตามมาอย่างคึกคัก
ภายในการวิพากษ์วิจารณ์นั้น บางด้านก็ให้น้ำหนักไปที่กระบวนการเคลื่อนไหวของตำรวจ บางด้านก็ให้น้ำหนักไปที่มวลชน
น้ำหนักที่เน้นไปยังมวลชน ปรากฏน้ำเสียงที่สภาวะไร้ระเบียบไร้การจัดตั้งทั้งยังโน้มเอียงไปในทางอนาธิปไตย ไม่ขึ้นต่อการนำ ไม่ฟังคำชี้แนะจากศูนย์บัญชาการ
ขณะเดียวกัน ภายใน”ปฏิกิริยา”อันเกิดขึ้นต่อแต่ละรายละเอียดของการเคลื่อนไหว ไม่เพียงแต่มีน้ำเสียงตำหนิไปยังมวลชนโดยเฉพาะกลุ่มการ์ดอันกระจัดกระจายกันอยู่
หากที่สำคัญเป็นอย่างมากมีการวิพากษ์วิจารณ์ไปยังกระบวนในทางความคิด กระบวนการในการลงมือปฏิบัติของกลุ่มที่ถูกเรียกขานว่าเป็น”แกนนำ”
“ปฏิกิริยา”อันเกิดขึ้นทั้งต่อ#ม็อบ10กุมภาพันธ์ ทั้งต่อ#ม็อบ 13กุมภาพันธ์ เป็นเรื่องดีถือว่าเป็นคุณูปการ
จุดเด่นเป็นอย่างมากจาก”ปฏิกิริยา”อันตามมาอย่างคึกคักยืนยันใน ลักษณะเป็นไปเองของการชุมนุม เคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งใน ทางการเมือง
ที่เคยสรุปตั้งแต่ต้นว่า ไม่มี”แกนนำ” ทุกคนล้วนเข้ามาร่วมด้วย ความสมัครใจของตนนั้นเป็นความจริง
ปรากฏการณ์อันเกิดขึ้นนับแต่เดือนกรกฎาคม 2563 โดยผ่านชื่อ”เยาวชนปลดแอก”ก็ดี และที่มีการยกระดับขึ้นเป็น”คณะราษฎร 2563”ในเดือนตุลาคมก็ดี
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการผนึกตัวรวมพลังกันอย่างหลวมๆ ไม่ได้มีการจัดตั้งอย่างเคร่งครัด หากแต่ประสานร่วมมือกันจากแต่ละกลุ่มอย่างหลากหลาย
อย่าถามถึง”แกนนำ” อย่าถามถึง”ท่อน้ำเลี้ยง”หรือ”ผู้บงการ”
จากเดือนกรกฎาคม 2563 กระทั่งมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ลักษณะเป็นไปเองของการเคลื่อนไหวของการชุมนุมก็ยังดำรงอยู่
คำเรียกร้องถึงทิศทางในเชิงยุทธศาสตร์ คำเรียกร้องถึงกระบวนการในเชิงยุทธวิธีต่อแต่ละครั้งของการเคลื่อนไหว คือเครื่องยืนยันในการ เป็นการเคลื่อนไหวอย่างเป็นไปเอง
ภายในการเคลื่อนไหวอย่างเป็นไปเองอาจเหมือนไร้กระบวนท่า แต่ก็เป็นภาวะไร้กระบวนท่าอย่างมีกระบวนท่าของมันเอง