เส้นแบ่งอย่างสำคัญของสังคม มิได้อยู่ที่เข็มของนาฬิกาที่จำแนกออกเป็นวินาที นาที ชั่วโมง วัน เดือน ปี เพียงอย่างเดียว หากแต่ในจังหวะของวินาที นาที ชั่วโมง วัน เดือน ปีนั้น

ได้เกิด “สถานการณ์” ต่างๆ เกิดขึ้น ดำรงอยู่และดำเนินไปเป็นจำนวนมากมาย

ด้านหนึ่ง สถานการณ์มีส่วนในการกำหนดเวลา

ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง สถานการณ์ก็ลากดึงเอาบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง เกี่ยวข้องโดยอ้อม ให้ได้รับผลกระทบในสัดส่วนที่แตกต่างๆไปตามความสัมพันธ์

ขอให้ดูจากสถานการณ์อันเกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สถานการณ์อันเกี่ยวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สถานการณ์อันเกี่ยวกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา

ถามว่าในห้วงก่อนและหลังเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นอย่างไร ถามว่าในห้วงก่อนและหลังเดือนมีนาคม 2562 เป็นอย่างไร

และ ณ วันนี้ เมื่อประสบกับการแพร่ระบาดของไวรัส โควิดแล้วดำรงอยู่อย่างไร เหมือนเดิมหรือไม่ หรือแปรเปลี่ยนไปตามแรงกระทบของสถานการณ์

 

ต้องยอมรับสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 แตกต่างไปจากสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562

แม้ว่าโดยกลไกของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จะทำให้อำนาจทาง การเมืองยังเป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่

กระนั้น คำตอบของคำถามที่ว่า”เหมือนเดิม”หรือไม่ ก็เริ่มไม่แน่

หากเหมือนเดิมไฉนเสียงร้องตะโกน”ออกไป ออกไป”จึงดังกึกก้องนับแต่เดือนธันวาคม 2562 และดังกึกก้องเป็นอย่างมากในเดือนกุมภาพันธ์ 2563

ยิ่งเมื่อเข้าสู่เดือนกรกฎาคม 2563 บทเพลงที่เริ่มต้นจากนับ 1 2 3 4 5 และตามด้วยเสียงร้อง I here Too ก็ก้องดังไม่ขาดสาย

เป้าหมายพุ่งไปสู่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นสำคัญ

 

ต้องยอมรับว่า สถานการณ์หลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 สถานะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นอย่างหนึ่ง แต่สถานการณ์หลังการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 กลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง

ความเร็วอันเกิดขึ้นนับแต่สถานการณ์หลังเดือนกรกฎาคม 2563 ดุเดือดเข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง

ยิ่งในปี 2564 วินาที นาที ชั่วโมง ก็ยิ่งจะไม่เหมือนเดิม