เผยแพร่ |
---|
ทำไมกรณี # พิมรีพาย จึงกลายเป็น”ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ตั้งแต่ที่ราบกระทั่งถึงเขาสูงทะลุฟ้า
เพราะทั้งหมดนี้คือหน้าตาและตัวตนของสังคมไทย
เป็นสังคมที่ดำรงอยู่ด้วยการปะผุ แต่งนั่น เติมนี่ โดยไม่มีการทะลวงลึกไปยังสภาพความเป็นจริงอันเป็นรากเหง้าและต้นตอของ ปัญหาอย่างแท้จริง
บทบาทของ”พิมรีพาย”ก็มิได้เป็นการแทงตรงประการใดไปยังตัวปัญหา ไม่ว่าจะมองในเรื่องของการพัฒนา ไม่ว่าจะมองในเรื่องของคนบนที่สูง ไม่ว่าจะมองในเรื่องของการศึกษา
เธอเพียงทำหน้าที่ในสถานะของ”พลเมืองดี”คนหนึ่ง เมื่อทำธุรกิจและมีเงินอันถือได้ว่าเป็นผลกำไรที่สามารถแบ่งปันไปให้คนอื่นได้เธอก็ทำด้วยความเต็มใจ
เพราะตระหนักว่าน้องๆบนดอยไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่อาจดูทีวีได้เช่นที่น้องมีโอกาสก็นำเงินจำนวนนั้นไปช่วยแก้ปัญหาให้
เพียงแต่แสงจาก”โซลาร์เซลล์”ของน้องก่ออาการ”สว่าง”เท่านั้น
ความสว่างในที่นี้เป็น”กระแส” อันจุดและสร้างขึ้นจากคนในเมืองเช่นเดียวกับน้องนั่นเอง มิได้มาจากคนบนเขาสูง
และเมื่อเกิดเป็น”กระแส”ก็ส่งผลสะเทือน
ผลสะเทือนในเชิงรูปธรรมแรกสุดก็คือคำสั่งจากหน่วยงานการศึกษานอกโรงเรียนในพื้นที่ในเชิงปฏิเสธการตอบโต้ ปฏิเสธการรับบริจาคไม่ว่าเงินทองหรือสิ่งของ
คำสั่งนี้ขัดแย้งกับความรู้สึกของคนในเมืองอย่างล้ำลึก จึงก่อให้เกิดปฏิกิริยาวิพากษ์วิจารณ์ กระทั่งในที่สุดด้วยการกระซิบจากส่วนกลางก็นำไปสู่การยกเลิกคำสั่ง
เป็นท่วงทำนองเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาล เกิดขึ้นในศบค. เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ในห้วงแห่งการเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19
เป็นคำสั่งในกระสวน”ทราบแล้วเปลี่ยน”ฉับพลันทันใด
ในเมื่อภายในรัฐบาลสามารถเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ได้แล้วทำไมที่อมก๋อยจะเกิดปรากฏการณ์เดียวกันไม่ได้
ไม่ว่าในที่สุดปรากฏการณ์อันเนื่องแต่การทำความดีของ #พิมรีพาย จะลงเอยอย่างไร แต่ประเด็นของความเหลื่อมล้ำในชีวิตและทางการศึกษาก็อึกทึกครึกโครมอย่างยิ่ง
แต่ละกลุ่ม แต่ละผลประโยชน์ ต่างสะท้อน”ปฏิกิริยา”ของตนออกมา และล้วนเผยตัวตนของตนออกมาจนหมดสิ้น