ในที่สุด ปัญหาอันเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของ “บ่อน” ก็บานปลายและ กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ ส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งและกว้างขวางเป็นลำดับในทางความคิด

ไม่เพียงแต่หวาดระแวงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละสน.เท่านั้น หากยังกระทบไปยัง ผบ.ตร.ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด

สาเหตุมาจากภาวะพลิกผันเปลี่ยนแปรและไม่แน่นอน

เริ่มจากคำยืนยันของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่จังหวัดระยองว่าไม่เคยมี”บ่อน” ทั้งๆที่ในความเข้าใจของชาวระยองเชื่อมั่นเป็นอย่างสูงต่อการดำรงอยู่ของบ่อน

คล้อยหลังการแถลงของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่นานก็มีคำสั่งจาก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ย้ายผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระ ยองออกจากพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง

จากนั้นก็เป็นการย้ายผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด และที่สุดก็เป็น”ผู้บัญชาการ”

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็แทบไม่เหลืออะไรให้”เชื่อถือ”อีกแล้ว

 

กรณีการดำรงอยู่ของ”บ่อน”กำลังกลายเป็นเรื่องน่าหัวร่อ กระทั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเคยออกมายืนยันถึงสภาวะแห่งการ “ไม่มีบ่อน”ต้องออกมาพลิกคำพูดใหม่

นั่นเท่ากับเป็นการยืนยันอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งว่าสถานะแห่งการดำรงอยู่ของ”บ่อน”ในสังคมไทยเป็นอย่างไร

สถานการณ์อันเกี่ยวกับ”บ่อน”ในขณะนี้มิได้มาจากสำนึกและความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรงกันข้าม การเข้ามาของไว รัส โควิด-19 ต่างหากที่กำลังทะลวงลงไปในแต่ละบ่อน

แสดงให้เห็นว่าฤทธานุภาพของไวรัส โควิด-19 เหนือกว่าอำนาจอันเคยมีของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งระดับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ไม่มีเว้น

มีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับว่า โควิดอาจจะนำไปสู่การปฏิรูประบบราชการไทยครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา

เพราะหากไม่ยอม”ปฏิรูป”ก็อาจจะไม่สามารถดำรงอยู่ได้

 

เพียง 1 สัปดาห์ของการเริ่มปีใหม่ เพียง 1 สัปดาห์ของการปะทะกับการแพร่ระบาดเข้ามาของไวรัส โควิด-19 สถานะของรัฐบาลก็เริ่มสั่น คลอนอย่างเห็นได้ชัด

เริ่มจากความไม่เชื่อมั่น ตามมาด้วยการวิพากษ์ต่อแต่ละกระบวนการขับเคลื่อนของรัฐบาล

นี่คือมรสุมที่กระหน่ำเข้าใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา