รู้สึกในความเข้มข้น คึกคัก หนาแน่นของ”ข่าวลือ” อันหลุดออกมาระ ลอกแล้วระลอกเล่าหรือไม่

ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือในเรื่องของ “รัฐประหาร”

ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือในเรื่อง “อนาคต” ทางการเมืองของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา

อย่าได้แปลกใจหากจะดังมาจาก นายอานนท์ นำพา

แท้จริงแล้ว นายอานนท์ นำพา มิได้เป็นคนแรกที่นำ”ข่าวลือ”นี้ไปโพสต์ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว หากแต่ในแวดวงทางด้าน”การข่าว”ได้ยินมาอย่างต่อเนื่อง

ต่อเนื่องจากหมายของศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยกรณีการพำนักอาศัยอยู่ในค่ายทหารทั้งๆที่เกษียณจากราชการมาแล้ว

จะเข้าข่ายเหมือนกรณีของ นายสมัคร สุนทรเวช ชิมไปบ่นไป

ยิ่ง นายวิษณุ เครืองาม ออกมาฟันธงว่าถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผิดก็หลุดกันทั้งครม. ยิ่งทำให้ข่าวลือไปโลด

จำเป็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องออกมาปฏิเสธ

 

ไม่ว่าใครก็ตามที่ติดตามปรากฏการณ์”เยาวชนปลดแอก”ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมมาถึงเดือนพฤศจิกายนก็ย่อมจะต้องตกอยู่ในความ สงสัย 2 ข้อ

1 สงสัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยืนระยะในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ยาวนานเพียงใด

1 สงสัยว่า เมื่อไรเสียงเพลงแอนแอ่นแอ๊นจะดังกังวาน

แม้ว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.จะออกมายืนยันไม่เพียงแต่ว่า รัฐประหารเป็น 0 หากที่สำคัญยังเน้นอย่างหนักแน่นและจริงจังว่า

“รัฐประหารติดลบ” นั่นคือ “ต่ำกว่า 0”

กระนั้น เสียงตะโกน”ออกไป ออกไป”ที่ดังก้องกังวานในทุกการชุมนุมก็ไม่เพียงแต่จะสร้างความหงุดหงิดให้กับเป้าหมาย  หากยังเป็นการปลุกเร้าให้เกิด”รัฐประหาร”เร็วขึ้น

ข่าวลือ “รัฐประหาร”จึงประสานขึ้นพร้อมกับข่าวลือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับการอยู่ในตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี”

 

ยิ่งการเคลื่อนไหวถี่ยิบ เข้มข้นและยกระดับพัฒนาข้อเรียกร้องไปมากเพียงใด ยิ่งทำให้เกิดภาวะปั่นป่วนและสับสน อันทำให้ดอกไม้แห่ง”ข่าวลือ”ชูช่ออรชรตามมา

นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ว่าเมื่อปี 2516 ไม่ว่าเมื่อปี 2563

กลายเป็น “ภักษาหาร” กลายเป็น”เหยื่อ”ทางการเมือง