การปรากฏขึ้นของ”ม็อบตุ้งติ้ง”ก็เหมือนกับการปรากฏขึ้นของ”เยาว ชนปลดแอก” เพราะ 2 ม็อบนี้กำเนิดขึ้นในทางการเมืองระยะกาลใกล้เคียงกันคือเดือนกรกฎาคม

หากการปรากฏขึ้นของ”เยาวชนปลดแอก”ไม่ถูกเรียกขานว่าเป็น”ม็อบมุ้งมิ้ง”ก็คงไม่มี”ม็อบตุ้งติ้ง”เผยแสดงออกมา

กระนั้น จากเดือนกรกฎาคม “ม็อบตุ้งติ้ง”ก็ประกอบส่วนเข้าเป็นแนวร่วมหนึ่งภายใน”คณะประชาชนปลดแอก”และดำเนินการประสานกันไปกับการชุมนุมอย่างแนบแน่น

ไม่ว่าจะเป็นในวันที่ 16 สิงหาคม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการแตกหน่อกอออกไปเป็น”ผู้หญิงปลดแอก”และร่วมในการเคลื่อนไหว ณ ท้องสนามหลวงเมื่อเดือนกันยายน

และที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเป็นอย่างมากก็คือ การเป็นส่วนหนึ่งในการเคลื่อนไหวของขบวนการศิลปะอิสระบนถนนสีลมก่อนที่จะ”ม็อบตุ้งติ้ง 2”จะเดินซ้ำรอยไปด้วยความคึกคัก

นี่มิได้เป็นเพียงสีสันในการเคลื่อนไหวบนท้องถนน หากแต่จะส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งในทางการเมือง

 

จากปรากฏการณ์นับแต่เดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ตุลาคม กระทั่งพฤศจิกายน เป็นต้นมา ต้องยอมรับว่าขบวนการของLGBTQ ขบวนการของผู้หญิงปลดแอกได้จำหลักอย่างหนักแน่น

เชื่อได้เลยว่า การขับเคลื่อนทางการเมืองในกาลข้างหน้าองค์ประกอบจาก 2 ส่วนนี้จะขนาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 อาจมีเพียงพรรคอนาคตใหม่ที่สามารถนำเอา LGBTQ มาสร้างความคึกคักให้กับพรรคของตนอย่างเป็นรูปธรรม

แต่การเมืองนับจากนี้ทุกพรรคจำเป็นต้องมี LGBTQ เข้ามาเป็นองค์ประกอบ เพียงแต่ว่าจะมีความเข้าใจมากน้อยเพียงใดในการเข้าเชื่อมประสาน

นี่เป็นสารที่พรรคการเมือง”เก่า”จำเป็นต้องเรียนรู้

เรียนรู้ต่อวิถีดำเนินแห่ง”ผู้หญิงปลดแอก” เรียนรู้ต่อวิถีดำเนินแห่ง “LGBTQ”

 

อุบัติแห่ง”เยาวชนปลดแอก” จึงนำปรากฏการณ์มากมายมาให้กับสังคมการเมืองของไทย แรงกระแทกนี้ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตลึงให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

หากที่สำคัญก็คือ ต่อพรรคการเมือง ต่อนักการเมืองที่เคยยึด ครองพื้นที่ทางการเมืองมาก่อน จะเรียนรู้และเข้าใจอย่างไร