เผยแพร่ |
---|
หากการลุกขึ้นของแฟล็ชม็อบอันมี”เยาวชนปลดแอก”เป็นจุดเริ่มเมื่อ วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม ณ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บนถนน ราชดำเนิน เป็นประกายไฟดวงแรก
ก่อให้เกิดอาการ”ช็อก”อย่างใหญ่หลวงทั้งในทางความคิดและในทางการเมือง
ปรากฏการณ์”นักเรียนเลว”ยิ่งรุนแรง ล้ำลึกมากยิ่งกว่า
เพียงภาพที่ปรากฏครั้งแรกในวันพุธที่ 19 สิงหาคม ณ บริเวณข้างกระทรวงศึกษาธิการก็ทำให้บรรดาผู้อาวุโสต้องตบหน้าอกของตนเองด้วยความเจ็บปวดอย่างยิ่งแล้ว
จากที่นักเรียนนุ่งกางเกงขาสั้นออกมาวิพากษ์วิจารณ์ระบบการศึกษาของไทยอย่างสาดเสียเทเสียพร้อมกับเสียงตะโกน”ไปต่อ แถว ไปต่อแถว” ดังกึกก้อง
มาถึงการชุมนุมหนที่ 2 ในวันเสาร์ที่ 5 กันยายน ณ บริเวณเดียวกัน ยิ่งสร้างความปวดร้าวอย่างชนิดต้องเติม”ว”มากมาย
เพราะนี่คือการลุกขึ้นมา”ถอนหงอก”อย่างรุนแรง ร้ายกาจ
ที่มีบางคนในกลุ่ม”ไทยภักดี”ออกมาแสดงให้เห็น”ทิศทางไทย”ว่ากำลังก้าวเข้าสู่”การปฏิวัติในทางวัฒนธรรม”นั้นสามารถสัมผัสได้จากการชุมนุมเมื่อวันเสาร์ที่ 5 กันยายน
เพราะปรากฏการณ์”นักเรียนเลว”ไปไกลมากยิ่งกว่าที่เคยเกิดในยุคก่อนและหลังเดือนตุลาคม 2516
ความพยายามของ”กลุ่มวรรณกรรมเพื่อชีวิต”ที่นำโดย พิรุณ ฉัตรวณิชกุล กมล กมลตระกูล ธัญญา ชุนชฎาธาร ในการ”ปฏิวัติทางความคิด ติดอาวุธทางปัญญา”
ได้แตกดอกออกผลอย่างเป็นรูปธรรมก็เมื่อกลุ่ม”นักเรียนเลว” ได้ลุกขึ้นมาแสดงออกอย่างต่อเนื่องนับแต่เกิดสถานการณ์ในแบบ”อาฟเตอร์ช็อก”
หลังการชุมนุมใหญ่ของ”เยาวชน/ประชาชนปลดแอก”เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา
เด่นชัดว่าพวกเขาได้”ตื่น”และ”รู้”แล้วจึงยากที่จะ”หลับใหล”
เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของสภาวะแห่งความตื่น ความรู้และความ เบิกบานในทางความคิด
ย่อมนำไปสู่สภาวะแห่ง”ตาสว่าง”ในแบบพลุ่งโพลง
เป็นการตื่นรู้และแยกจำแนกระหว่าง “เผด็จการ”กับ”ประชาธิป ไตย”ว่ามีความแตกต่างอย่างไร
แน่นอนหนทางที่เลือกย่อมจะเป็น”ประชาธิปไตย”