เผยแพร่ |
---|
หลังกำลังภายในอันคนของพรรคพลังประชารัฐแผ่รังสีอำมหิตผ่านไปยังแต่ละองคาพยพของ นายปรีดี ดาวฉาย กระทั่งต้องตัดใจยื่นใบ ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ไม่ว่าแถลงอันมาจากนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าแถลงอันมาจากรองนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าแถลงอันมาจากรัฐมนตรีต่างประเทศ
เหมือนกับไม่มี”ผลสะเทือน”อะไรในทางการเมือง
งานการแก้ไขความทรุดเสื่อมทางเศรษฐกิจยังคงเดินหน้าไปได้เป็นปกติ งานของกระทรวงการคลังก็มิได้สะดุดหยุดลง ทุกอย่างเป็น ไปตามพิมพ์เขียวที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจกำหนดเอาไว้ครบถ้วน
คำแถลงเช่นนี้แม้จะดำเนินไปบนพื้นฐานแห่งพิมพ์เขียวของการประชาสัมพันธ์ ยืนยันความเป็นระบบความเป็นมาตรฐานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี
แต่ในอีกด้านก็สร้างความสะเทือนใจให้กับ นายปรีดี ดาวฉาย อย่างไม่เจตนา
เหมือนกับตอกย้ำว่าการอยู่หรือไม่อยู่ไม่มีผลอะไรทางการเมือง
คำแถลงไม่ว่าจะมาจากนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะมาจากรัฐมนตรีต่างประเทศขัดกับกฎทางธรรมชาติ กฎทางสังคมอย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าจะประเมินด้วยหลักแห่งการเคลื่อนไหวในทางฟิสิกส์
ไม่ว่าจะประเมินด้วยหลักแห่งอาทิปปจยตาอันดำรงอยู่ภายใต้กฎแห่งความเป็นอนิจจังของพุทธธรรม
เพราะมี”สิ่งนี้” สิ่งนี้จึง”เกิดขึ้น” สอดรับกันไป
หากมองตามกฎแห่งการเคลื่อนไหว กฎแห่งอนิจจังอย่างเคร่ง ครัด อย่าว่าแต่ในเรื่องการดำรงตำแหน่ง ในเรื่องการลาออกจากตำ แหน่งเลย
แม้กระทั่งตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อออกจากบ้าน กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อหวนกลับคืนยังเคหสถานในวันเดียวกันก็มิได้เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คนเดิม
1 วันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงมีการเปลี่ยนแปลง
แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังการลาออกของ นายปรีดี ดาวฉาย จะไม่เปลี่ยนหรือ
หลังจาก นายปรีดี ดาวฉาว ประสบชะตากรรมจนต้องกล่าวคำอำลาจากกระทรวงการคลัง
ทุกสายตามองไปยัง นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาวน์
ในเมื่อกระทรวงการคลังยังหนักหนาสาหัสถึงเพียงนี้ แล้วมีหรือที่ที่กระทรวงพลังงานจะดำเนินไปราบรื่นเหมือนยืนอยู่บนเนินเขา