เผยแพร่ |
---|
พลันที่”เยาวชนปลดแอก”ปรากฏขึ้น ตามมาด้วย”แฟล็ชม็อบ”ที่แพร่กระจายไปในขอบเขตทั่วประเทศนับแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมาได้ก่อให้เกิดผลสะเทือนเป็นอย่างสูงในทางการเมือง
ผลสะเทือนไม่เพียงแต่จะทำให้การ”ชู 3 นิ้ว”ในการเคารพธงชาติ การติดโบขาวต้านเผด็จการ
จะกลายเป็นปรากฏการณ์ในทางสังคมเท่านั้น
หากแต่ยังได้เกิดการเคลื่อนไหวในทางการเมืองตามมาหลายกรณีด้วยกัน
อย่างหนึ่งคือการแสดงท่าทีเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นต่อการชะลอและยับยั้งที่จะเดินหน้าในการจัดตั้งงบประมาณเพื่อนำไปสู่การซื้อเรือดำน้ำ และท่าทีที่จะต้องเข้าสู่การ ตรวจสอบอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในกรณีของการใช้มาตรา 40 ต่อกรณีเหมืองทองอัครา
และสุดท้ายที่เห็นก็คือ กรณีอันเกี่ยวกับ”รัฐธรรมนูญ”
พลันที่มีการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร นี่ย่อมเป็นวินาทีสำคัญแห่งการตรวจสอบ
ผลจากการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะจากพรรคร่วม รัฐบาล ไม่ว่าจะจากพรรคฝ่ายค้าน กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก็เข้าสู่กระบวนการในทางรัฐสภา
เหมือนกับหัวรถจักรแห่งการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญพร้อมที่จะขับเคลื่อนด้วยพลังอย่างเต็มที่
ถามว่าความคิดในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจากด้านของรัฐบาลเริ่มขึ้นอย่างไร ตอบได้เลยว่าเพราะเป็นเงื่อนไขหนึ่งของพรรค ประชาธิปัตย์ที่จะเข้าร่วมรัฐบาล
กระทั่ง รัฐบาลได้บรรจุเอาไว้ใน”นโยบายเร่งด่วน”ของรัฐบาลในการแถลงต่อรัฐสภาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2562
จากเดือนกรกฎาคม 2562 มาถึงเดือนกรกฎาคม 2563 เป็นเวลา 1 ปีเต็มแห่งการเริ่มต้น
กระบวนการต่อไปจึงจำเป็นต้องติดตามให้ความสนใจ
เป็นความสนใจติดตามว่ากระบวนการแก้ไขภายใต้ระบบรัฐสภาจะ สามารถสนองตอบต่อความเรียกร้องต้องการของสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด
หรือว่าเสมอเป็นเพียงเวทีแห่งการต่อสู้เพื่อซื้อเวลาโดยที่มิได้มีเป้าหมายอันแจ่มชัด
เป็นคำถามที่ทุกพรรคการเมืองจักต้องเป็นผู้ให้”คำตอบ”