ข่าวลือรัฐประหาร”หลุด”มาพร้อมกับมาตรการสกัดขัดขวางมิให้การชุมนุมเคลื่อนไหวของนักเรียน นิสิตนักศึกษา ในแต่ละจุดดำเนินไปได้ด้วยความราบรื่น

ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดพิษณุโลก ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดปัตตานี ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดสุรินทร์

ประสานกับการจับ นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก ประสานกับการปล่อยข่าวขู่ว่าจะขยายผลออกไปเป็นลำดับตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 31 คน

คำถามที่ตามมาโดยฉับพลันทันใดก็คือ กระบวนการเคลื่อน ไหวของนักเรียน นิสิตนักศึกษา ยุติลงหรือไม่

คำตอบจากรูปธรรมอันเป็นจริงยืนยันได้ว่า “ไม่”

นั่นก็เห็นได้จากการชุมนุมที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ นั่นก็เห็นได้จากการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร

และรวมถึงการนัดหมายของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในวันเดียวกันกับของมหาวิทยาลัยรามคำแหง

 

สภาพการณ์ของการเคลื่อนไหวเป็นเช่นนี้เด่นชัดอย่างยิ่งว่าการชุมนุมใหญ่ในวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม ไม่ว่าจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะไม่สามารถเกิดขึ้นก็จะต้องร้อนแรง

เพราะจากปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าตำรวจ ไม่ว่าทหาร ไม่ว่าฝ่ายปกครอง

เด่นชัดว่ายังคงเดินหน้าในการสกัดและขัดขวางเต็มเรี่ยวแรง

ขณะเดียวกัน จากการเคลื่อนไหวของนักเรียน นิสิตนักศึกษา ไม่ว่าที่เห็นมาแล้วจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และที่จะเห็นต่อไปจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ตลอดจนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยรามคำแหง มีความเด่นชัดว่ามิได้ท้อแท้ อ่อนแรงไปตามมาตรการเข้มซึ่งมาจากรัฐบาลแต่อย่างใด

โอกาสที่จะเกิดการประจันหน้าในตอนค่ำของวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม จึงมีแนวโน้มและความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่ง

 

เบื้องหน้าสถานการณ์ในทางการเมืองเช่นนี้คำถามจึงพุ่งไปยังรัฐบาล ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาโดยอัตโนมัติว่าจะหาหนทางออกอย่างไร

จะหาหนทางออกในแบบที่มีการสั่งการให้ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองดำเนินอยู่หรือไม่

หรือว่าจะล้างหูน้อมรับฟังเสียงจากนักเรียน นิสิตนักศึกษา