ไม่ว่าการเมืองยุคส่งคนไปร้องตะโกนใน”โรงหนัง” ไม่ว่าการเมืองในยุค “โซเชียล มีเดีย” การกล่าวหาฝ่ายตรงกันข้ามว่าเลวร้ายต่ำทรามเพียงใดเป็นเรื่องที่สามารถทำได้

เหมือนกับที่มีการกล่าวหา นายทักษิณ ชินวัตร ก่อนรัฐประหาร เมื่อเดือนกันยายน 2549

เหมือนกับที่มีการกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

หรือที่มีการกล่าวหา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช ก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 และก่อนการยุบพรรคอนาคตใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นมา

หรือที่มีการกล่าวหาว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช คณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของ”เยาวชนปลดแอก”

กระนั้น การกล่าวหาเหล่านี้ก็เสมอเป็นเพียงการกล่าวหา หากไม่มี”หลักฐาน”ที่เป็นจริงก็ยากที่จะให้คนเชื่อถือคล้อยตามไปด้วย

 

ตัวอย่างสดๆร้อนๆก็คือ การเปิดตัวออกโรงของ”กลุ่มพลังอาชีวะเพื่อชาติ” ที่มาปรากฏและแสดงตัวเพื่อต้าน”เยาวชนปลดแอก”ที่อนุสาว รีย์ประชาธิปไตย

เริ่มแรกก็มีผู้นำเอาหน้าเพจของ”กลุ่มพลังอาชีวะเพื่อชาติ”ออกมาเปิดโปง

ว่าเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรครวมพลังประชาชาติ

ต่อมาก็มีการนำเอาภาพแกนนำซึ่งออกมาแถลงข่าวว่าเป็นเด็กของรัฐมนตรีและส.ส.คนหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยเป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวของกปปส.

เป็นภาพจาก”คลิป”ซึ่งมีการบันทึกอย่างละเอียดละออแทบทุกก้าวย่าง จากกปปส.ไปยังพรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาธิปัตย์

เพียงแค่นี้ก็มองเห็นเส้นสนกลในและความสัมพันธ์ในทางการเมืองได้ครบถ้วน

 

การก่อตัวของ”กลุ่มพลัง”ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับการเคลื่อนไหวผ่านกระบวนการที่เห็นชอบกับข้อเสนอ 3 ข้อของ”เยาวชนปลดแอก”จึงเริ่มมีความแจ่มชัด

แจ่มชัดและโยงสายยาวไปยังพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคและการสมคบคิดก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

เป็นเส้นสายที่แวดล้อม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา