เผยแพร่ |
---|
ในร้านมีท่านสุภาพบุรุษนั่งจับกลุ่มอยู่ตามโต๊ะเต็มไปหมด สมศักดิ์ไม่รู้จักใครเลยในที่นั้นเขาจึงเรียกวิศกี้มายืนดื่มอยู่คนเดียว
ท่านสุภาพบุรุษเหล่านั้นคุยกันเสียงโขมง
ถกกันเรื่องการจลาจล การกบฎและการรบที่กำลังทำกันอยู่ที่บางเขน ความเห็นตามกลุ่มต่างๆเป็นอันลงรอยกันได้หมดเว้นแต่ที่โต๊ะเดียวซึ่งมีข้าราชสำนัก 3 นายและนายทหารผู้หนึ่งกำลังนั่งเสพสุ ราร่วมโต๊ะกันอยู่ดูเหมือนจะมีความเห็นขัดกันอย่างรุนแรง
“อ้ายพวกกบฎ” เสียงนายทหารผู้นั้นคำรามพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“ผมเสียดายเหลือเกินที่ยังไม่ถูกเรียกตัวให้ไปกับกองทหาร ถ้าผมได้มีโอกาสไปเมื่อใดผมจะไม่กลับมาเลยจนกว่าจะได้ล้างชีวิตเจ้า หัวหน้ากบฎได้”
สีหน้าของข้าราชสำนักผู้ใหญ่ในที่นั้นคนหนึ่งแสดงว่าไม่มีความพอใจอย่างยิ่ง
เขาได้กล่าวคำโต้ตอบว่า
“เดี๋ยวนี้ยังไม่ใช้เวลาที่คุณจะเรียกฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดชว่าอ้ายพวกกบฎ การแพ้และชนะเท่านั้นจะตัดสินได้ว่าใครเป็นฝ่ายกบฎ”
พอขาดคำของท่านข้าราชสำนักผู้นั้นและยังไม่ทันที่นายทหารคู่โต้วาทีจะได้กล่าวคำโต้ตอบ สมศักดิ์ก็ปราดไปถึงโต๊ะและเผชิญหน้า กับท่านผู้พูดอย่างองอาจ
“อ้ายพวกกบฎ” เขาร้องเสียงดัง
“ทำไมจึงยังไม่ถึงเวลาที่จะเรียกฝ่ายเจ้าบวรเดชว่าอ้ายพวกกบฎ เจ้าบวรเดชกบฎต่อรัฐบาล กบฎต่อรัฐธรรมนูญ กบฎต่อมติมหาชน นี่ยังจะเรียกว่ากบฎไม่ได้อีกหรือ คุณ
ผมขอให้ระวังคำพูดของคุณให้ดีๆหน่อย”
ท่านข้าราชสำนักต้องนิ่งไปเป็นครู่ และคนอื่นๆในที่นั้นก็พุ่งสาย ตามาจับอยู่ที่เจ้าหนุ่มน้อยเป็นจุดเดียวกัน
ทั้งหมดนี้มิได้เป็นสถานการณ์การประคารมอันเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในวาระ 88 ปีแห่งวันที่ 24 มิถุนายน 2475
หากแต่เป็นสถานการณ์จากเดือนตุลาคม 2476
สถานการณ์อันปรากฏในเรื่องสั้น”ลาก่อนรัฐธรรมนูญ” อันผู้เขียน “ศรีบูรพา” เขียนในตอนเริ่มต้นเรื่องว่า
อุทิศแด่วีรชน 17 นาย
ซึ่งได้เสียสละชีวิตเลือดเนื้อเพื่อความสันติสุขของประชาชาติไทย